Tag Archive for: Digital Transformation

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจทวีความเข้มข้นขึ้น การมีระบบบริหารจัดการทรัพยากรภายในองค์กรที่สามารถช่วยควบคุมต้นทุนและนำทรัพยากรต่างๆ มาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด จึงเป็นปัจจัยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) สามารถเสริมศักยภาพขององค์กรได้ใน 3 ส่วนหลักด้วยกัน

Purpose of ERP - 3 เหตุผลว่าทำไมองค์กรยุคใหม่ควรลงทุนกับระบบ ERP

1. รองรับการเติบโตสู่ตลาดทุน (IPO)

การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) เป็นเป้าหมายที่ต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเป็นระบบ โดย ERP มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและหน่วยงานกำกับดูแล

การมีระบบ ERP สามารถช่วยให้ธุรกิจจัดเตรียมและจัดทำผลการดำเนินงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น จากการจัดเก็บเอกสารต่างๆ ให้อยู่ภายใต้ระบบเดียวกัน ไม่กระจัดกระจาย ง่ายต่อการค้นหาและนำข้อมูลมาใช้งาน เมื่อเอกสารและรายงานทางการเงินได้รับการจัดการอย่างมีระบบ จะช่วยให้ธุรกิจสามารถออกงบการเงินได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และเป็นไปตามมาตรฐานบัญชีตามข้อกำหนด

นอกจากนี้ ERP สามารถเข้ามาช่วยได้ทั้งในส่วนที่เป็น Operational Control และ Management Control เนื่องจากระบบ ERP เป็นระบบที่เชื่อมโยงการทำงานภายในองค์กรครอบคลุมได้ทุกส่วนงาน ไม่ว่าจะเป็นระบบการเบิกจ่ายสินค้า หรือระบบอนุมัติต่างๆ ทำให้กระบวนการทั้งหมดดำเนินไปอย่างมีขั้นตอน สามารถตรวจสอบได้ นอกจากนี้ การมีระบบยังช่วยสร้างความมั่นใจว่า องค์กรมีการเก็บข้อมูลครบถ้วน ปลอดภัย สามารถกำหนดสิทธิ์ผู้ใช้ตามตำแหน่งหน้าที่ แม้ว่าไม่ได้มีข้อกำหนดโดยตรงเกี่ยวกับระบบ ERP แต่การมีระบบที่ดีมีมาตรฐานจะช่วยให้กระบวนการตรวจสอบทั้ง Internal Audit และ External Audit ผ่านไปได้อย่างราบรื่น

2. รองรับการขยายตัวอย่างไร้ขีดจำกัด (Scalability & Growth)

เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น การมีระบบที่รองรับการขยายตัวได้จึงมีความสำคัญ ระบบ ERP ที่ดีสามารถปรับขนาดตามการเติบโตขององค์กรโดยไม่ต้องเปลี่ยนระบบใหม่ ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการย้ายข้อมูล รวมถึงไม่ต้องอบรมพนักงานใหม่ ระบบสามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นใบสั่งซื้อ จำนวนลูกค้า หรือปริมาณการผลิต โดยยังคงประสิทธิภาพการทำงานเดิม

เมื่อองค์กรเปิดสาขาใหม่ ขยายสายการผลิต หรือเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ระบบ ERP ช่วยให้การขยายธุรกิจเป็นเรื่องรวดเร็วขึ้น สาขาใหม่สามารถใช้ระบบเดียวกับสำนักงานใหญ่ที่เชื่อมโยงถึงกัน ทำให้ผู้บริหารมองเห็นผลประกอบการแต่ละสาขาแบบทันที เปรียบเทียบประสิทธิภาพ และถ่ายโอนทรัพยากรระหว่างสาขาได้คล่องตัว รองรับองค์กรที่มีบริษัทในเครือหลายแห่ง

นอกจากนี้ ระบบ ERP ยังรองรับการทำงานแบบ Cloud  ทำให้องค์กรไม่ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์ล่วงหน้า สามารถเพิ่มหรือลดทรัพยากรได้ตามความต้องการใช้งานจริง ช่วยบริหารกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ พนักงานเข้าถึงระบบได้จากทุกที่ รองรับ Remote และ Hybrid Working พนักงานขายสร้างใบเสนอราคาได้ขณะพบลูกค้า ผู้จัดการตรวจสอบสายการผลิตได้จากบ้าน ผู้บริหารอนุมัติเอกสารได้ระหว่างเดินทาง ทำให้องค์กรคล่องตัวและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ

3. มองเห็นภาพรวมองค์กรแบบ Real-time (Business Health-Check)

ในยุคที่ข้อมูลคือพลัง การมีข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และทันเวลา คือปัจจัยชี้วัดความสำเร็จทางธุรกิจ ระบบ ERP สามารถทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางข้อมูลที่รวบรวมทุกกิจกรรมขององค์กรไว้ในที่เดียว

ผู้บริหารสามารถเห็น Dashboard ที่แสดงสถานะขององค์กรแบบ Real-time ตั้งแต่ยอดขาย สต็อกสินค้า กระแสเงินสด ไปจนถึงประสิทธิภาพการผลิต ทุกอย่างเชื่อมโยงกันอย่างอัตโนมัติ ไม่ต้องรอรายงานจากแต่ละแผนกที่อาจใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์

การมีข้อมูลที่รวมศูนย์และอัปเดท ยังช่วยให้การตัดสินใจมีความแม่นยำมากขึ้น สามารถวิเคราะห์แนวโน้ม คาดการณ์อนาคต และปรับกลยุทธ์ได้ทันท่วงที เช่น เมื่อเห็นว่ายอดขายสินค้าบางรายการลดลง สามารถตรวจสอบได้ทันทีว่าเป็นเพราะปัญหาด้านการผลิต การจัดส่ง หรือการตลาด และแก้ไขได้ทันเวลาก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาใหญ่

ยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจด้วย ERP

ดังนั้น การนำระบบ ERP มาใช้ไม่ได้เป็นเพียงการอัปเกรดเทคโนโลยี แต่เป็นการยกระดับกระบวนการทำงานขององค์กรอย่างครอบคลุม และวางรากฐานสำหรับอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมสู่ตลาดทุน การรองรับการเติบโตที่จะเกิดขึ้น หรือการมีข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำ

Bluebik และ Innoviz Solutions มีประสบการณ์ให้บริการด้าน ERP ในหลากหลายอุตสาหกรรม ที่พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรที่แข็งแกร่ง สามารถช่วยให้ธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) ได้อย่างราบรื่น ก้าวข้ามความท้าทายอันซับซ้อน และสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ๆ หากองค์กรใดสนใจใช้งานระบบ ERP สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ :

Enterprise Resource Planning (ERP)

ปัจจุบัน โลกธุรกิจมีความซับซ้อนมากขึ้น การดำเนินงานต่างๆ ต้องการความรวดเร็วและความแม่นยำเพื่อรักษาและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน การมีระบบและโซลูชันที่มีประสิทธิภาพในการช่วยจัดการกระบวนการต่างๆ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ระบบบริหารจัดการทรัพยากรในองค์กร (ERP) จึงเข้ามามีบทบาทในการจัดการกับกระบวนการต่างๆ

บทความนี้จึงอยากพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับขีดความสามารถของ ERP ครอบคลุมตั้งแต่นิยามความสำคัญ ตัวอย่างการใช้งาน และแนวทางว่าหากองค์กรอยากเริ่มใช้งาน ERP ควรเริ่มอย่างไร

ERP คืออะไร


Enterprise Resource Planning (ERP) เป็นระบบบริหารจัดการทรัพยากรภายในองค์กร ทำหน้าที่ช่วยจัดการข้อมูล ตั้งแต่รวบรวม จัดเก็บ จัดการ และรวมศูนย์ข้อมูลจากแผนกต่างๆ รวมถึงข้อมูลคลังสินค้า การขนส่ง การขาย การบัญชี การเงิน การผลิต การจัดซื้อ และทรัพยากรบุคคล (HR) เพื่อเชื่อมโยงระบบการทำงานจากทุกหน่วยงานภายในองค์กร ทำให้สามารถนำข้อมูลไปใช้ช่วยให้กระบวนการทำงานต่างๆ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ERP ทำไมสำคัญกับธุรกิจ


  1. เพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร
    • ระบบ ERP สามารถปรับให้กระบวนการทำงานบางส่วนเป็นไปอย่างอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดระยะเวลาของขั้นตอนต่างๆ และลดข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้
  2. เพิ่มการมองเห็นภาพรวมของกระบวนการทำงาน
    • ระบบ ERP ช่วยให้เห็นภาพของกระบวนการทั้งหมดภายในองค์กร ทำให้การติดต่อสื่อสารและการทำงานระหว่างแผนกต่างๆ สะดวกและราบรื่นยิ่งขึ้น
  3. ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลภายในองค์กรได้แบบเรียลไทม์
    • ระบบ ERP ช่วยเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลได้แบบเรียลไทม์จากทุกที่ ทุกอุปกรณ์ ทำให้การกระบวนการทำงานยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  4. รองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต
    • เมื่อองค์กรขยายตัวขึ้น ระบบ ERP สามารถขยายระบบงานสำหรับส่วนงานต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นมา และปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของธุรกิจได้

ประเภทของ ERP 


  1. Cloud-based ERP software
    • เป็นการติดตั้ง ERP ไว้บน Cloud Server มีข้อดีตรงที่สะดวก สามารถเข้าใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หรือแอปพลิเคชันบนมือถือ
  2. On-premises ERP software
    • เป็นการติดตั้งระบบ ERP ไว้บน Hardware หรือ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ขององค์กร เพื่อแชร์ข้อมูลผ่านเซิร์ฟเวอร์นั้น ซึ่งมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่การเชื่อมต่อจากภายนอกองค์กรจะค่อนข้างยุ่งยาก
  3. Hybrid ERP software
    • เป็นการผสมผสานความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลทั้งจากผ่านช่องทางออนไลน์หรือจากอุปกรณ์เฉพาะ

โมดูลหลัก (ระบบงาน) ของ ERP มีอะไรบ้าง


1.ระบบจัดการการเงิน (Financial Management)

ระบบจัดการการเงินเป็นโมดูลพื้นฐานสำหรับทุกระบบ ERP ช่วยบริหารจัดการข้อมูลทางบัญชี รายรับ-รายจ่ายขององค์กร และข้อมูลทางการเงินทั้งหมด เพื่อนำไปใช้  สำหรับทำรายงานทางการเงิน และนำไปวิเคราะห์เป็นข้อมูลเชิงลึกสำหรับประกอบการตัดสินใจทางธุรกิจ

2.ระบบจัดการทรัพยากรบุคคล (Human Resource Management)

ระบบนี้จะช่วยรวบรวมและแสดงข้อมูลต่างๆ ของพนักงานภายในองค์กร เช่น ผลการทำงาน การลางาน และข้อมูลพื้นฐานอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการทำงานของฝ่ายทรัพยากรบุคคลมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และทำให้องค์กรมองเห็นแนวโน้มของจำนวนพนักงานในแผนกต่างๆ และประเมินได้ว่าควรรับบุคลากรเพิ่มเมื่อใด และจำนวนเท่าไร

3.ระบบจัดการซัพพลายเชน (Supply Chain Management)

ระบบจัดการซัพพลายเชนช่วยให้ธุรกิจมองเห็นภาพรวมทั้งหมดของสินค้า ตั้งแต่ปริมาณการผลิตสินค้า จำนวนที่สั่งซื้อจากซัพพลายเออร์ ไปจนถึงฟีดแบ็กจากผู้สั่งซื้อ ทำให้ธุรกิจสามารถประเมินได้ว่าควรผลิตหรือสั่งซื้อสินค้าประเภทใดในช่วงเวลาไหนจึงจะคุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุด

4.ระบบจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (Customer Relationship Management)

ระบบจัดการความสัมพันธ์ลูกค้าหรือ CRM จะช่วยวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า สำหรับคาดการณ์ว่าสินค้าและบริการประเภทไหนเหมาะกับลูกค้ากลุ่มใด เพื่อเพิ่มโอกาสการกลับมาซื้อซ้ำหรือนำเสนอสินค้าอื่นๆ เพิ่ม ระบบ CRM ยังช่วยในการติดตามการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการลูกค้าที่มีโอกาสซื้อสินค้า (Lead)

ตัวอย่างการใช้งาน ERP สำหรับองค์กร


  1. ธุรกิจการผลิต
    • ระบบ ERP สามารถช่วยจัดการซัพพลายเชนทั้งหมด ตั้งแต่การจัดซื้อวัตถุดิบ บริหารจัดการทรัพยากร ไปจนถึงการขนส่งสินค้า ทำให้ธุรกิจลดความเสี่ยงกระบวนการล่าช้า และบริหารจัดการสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  2. ธุรกิจค้าปลีก
    • ระบบ ERP สามารถให้ข้อมูลระดับสินค้าคงคลังได้แบบเรียลไทม์และตรวจสอบคลังสินค้าได้จากหลายตำแหน่งที่ตั้งร้าน ทำให้ธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนจำนวนสินค้าแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มให้ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป
  3. ธุรกิจบริการทางการเงิน
    • ระบบ ERP สามารถช่วยจัดการระบบการเงินให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ครอบคลุมหลายส่วนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบัญชี General Ledger (GL) บัญชี Accounts Payable (AP) และบัญชี Accounts Receivable (AR) รวมถึงการทำรายงานทางการเงิน และการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
  4. ธุรกิจพลังงาน
    • ระบบ ERP สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์เครื่องจักร ซึ่งช่วยคาดการณ์ช่วงเวลาการซ่อมบำรุง การติดตามและตรวจสอบกระบวนการทำงานต่างๆ ไปจนถึงการจัดทำเอกสารให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม

3 ข้อที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกระบบ ERP


1.เลือกให้เหมาะกับความต้องการของธุรกิจ

ธุรกิจแต่ละแห่งต่างมีความต้องการที่แตกต่างกัน และระบบ ERP มีหลากหลายแบรนด์ จึงควรเลือกให้เหมาะกับความต้องการของตัวธุรกิจมากที่่สุด โดยอาจพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น

  • ระบบการทำงานปัจจุบันเกิดปัญหาที่ตรงไหน และธุรกิจต้องการนำ ERP มาใช้ทำงานฟังก์ชันไหน
  • กระบวนการทำงานอะไรที่ต้องการปรับให้เป็นแบบอัตโนมัติ
  • ส่วนไหนของกระบวนการธุรกิจที่ต้องการเห็นภาพข้อมูลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น หรือมีปัญหาในการดึงข้อมูลไปใช้งาน
  • มีระบบอื่นๆ ที่ต้องการนำมาเชื่อมต่อกับ ERP หรือไม่

2.ความคุ้มค่าจากการลงทุน (ROI)

การประเมินความคุ้มค่าจากการลงทุนในระบบ ERP สามารถประเมินเบื้องต้นได้จากหลายแง่มุม เช่น

  • ค่าใช้จ่ายที่ลดลง จากการนำระบบ ERP มาใช้ เช่น ต้นทุนและระยะเวลาที่ลดลงจากการนำกระบวนการอัตโนมัติมาใช้ในการทำงานซ้ำซ้อน หรือค่าใช้จ่ายที่ลดลงจากการจัดการสินค้าคงคลังหรือโลจิสติกส์ที่ดีขึ้น เป็นต้น
  • ขีดความสามารถของธุรกิจที่เพิ่มขึ้นจากระบบ ERP เช่น กระบวนการทำงานต่างๆ ของธุรกิจที่รวดเร็ว แม่นยำยิ่งขึ้น การให้บริการลูกค้าที่มีประสิทธิภาพขึ้น หรือการทำรายงาน รวบรวมข้อมูลต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์
  • เกณฑ์การประเมิน ROI ในระยะยาว เช่น ระบบ ERP ใหม่มีความคุ้มค่ามากแค่ไหนหลังผ่านไปแล้ว 1 ปี หรือ 5 ปี

นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่นที่ธุรกิจอาจต้องพิจารณาเพิ่มคือ Total Cost of Ownership (TCO) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดต้นทุนที่เกี่ยวข้องตลอดการใช้งานระบบหรืออุปกรณ์ต่างๆ เช่น

  • ค่าใช้จ่ายในการวางระบบ ซึ่งอาจครอบคลุมตั้งแต่ค่าบริการให้คำปรึกษา สิ่งที่จะส่งมอบ และการปรับแต่งระบบให้เหมาะกับความต้องการของธุรกิจแต่ละราย
  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ หรือ Cloud hosting

3.พาร์ทเนอร์ในการวางระบบ ERP

พาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการวางระบบ ERP ให้ประสบความสำคัญ โดยการวางระบบและปรับแต่งระบบ ERP ให้ตรงตามความต้องการของธุรกิจมากที่สุด พาร์ทเนอร์ต้องมีทั้งความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ทั้งในเชิงธุรกิจและเชิงเทคนิค รวมไปถึงการช่วยสนับสนุนในด้านต่างๆ หลังการ Go Live หรือขึ้นระบบให้กับธุรกิจแล้ว

การเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ยุคดิจิทัลไม่ใช่แค่การนำเทคโนโลยีมาใช้ แต่เป็นการวางกลยุทธ์ใหม่ที่สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจอย่างแท้จริง การมีพาร์ทเนอร์ที่เชี่ยวชาญทั้งในด้านธุรกิจและองค์ความรู้เชิงเทคนิค รวมถึงมีประสบการณ์คร่ำหวอดในภาคอุตสาหกรรม จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการทรานส์ฟอร์มองค์กรเพื่อนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ และสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้จริง

Innoviz Solutions มีประสบการณ์ให้บริการในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งประสบความสำเร็จมากกว่า 400 บริษัท ด้วยบริการด้าน ERP และ BPI (Business Process Improvement) ที่พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรที่แข็งแกร่ง สามารถช่วยให้ธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) ได้อย่างราบรื่น ก้าวข้ามความท้าทายอันซับซ้อน และสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ๆ หากองค์กรใดสนใจใช้งานระบบ ERP สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ :