Tag Archive for: Food and Beverage

ธุรกิจร้านอาหารนั้น “วัตถุดิบ” ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อรสชาติอาหารและความพึงพอใจของลูกค้า หากการจัดการวัตถุดิบเกิดข้อผิดพลาด มีความคลาดเคลื่อนไป ย่อมส่งผลต่อคุณภาพของอาหารและกระทบต่อรายได้ของธุรกิจร้านอาหารโดยตรง

ดังนั้น การบริหารจัดการครัวกลางและการจัดสรรวัตถุดิบอย่างเป็นระบบจึงไม่ควรมองข้าม บทความนี้จึงอยากชวนมาทำความเข้าใจปัญหาและความท้าทายของธุรกิจร้านอาหาร พร้อมแนวทางจัดการปัญหาเหล่านั้น ด้วยการนำระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) มาประยุกต์ใช้เพื่อบริหารจัดการกระบวนการต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

6 ปัญหาหลังร้านที่ธุรกิจร้านอาหารต้องเผชิญ


1. การสั่งซื้อวัตถุดิบที่ผิดพลาด แค่พลาดนิดเดียว ก็กระทบรายได้

ร้านอาหารหลายแห่งประสบปัญหาการสั่งซื้อวัตถุดิบในปริมาณที่ไม่เหมาะสม ทั้งสั่งน้อยเกินไปจนไม่พอใช้ หรือสั่งมากเกินไปจนล้นพื้นที่จัดเก็บและวัตถุดิบเน่าเสีย โดยเฉพาะร้านอาหารที่มีหลายสาขา หากไม่มีระบบสั่งซื้อกลาง มาช่วยบริหารจัดการควบคุมต้นทุนและปริมาณวัตถุดิบ สาขาจะสั่งวัตถุดิบเกินจำเป็น ไม่ได้มีการตรวจสอบกับยอดขายจริง ทำให้การควบคุมต้นทุนและปริมาณวัตถุดิบจะเป็นเรื่องที่ยาก

2. ครัวกลางไร้ระบบ ทำให้หาวัตถุดิบยากและล่าช้าจนของเน่าเสีย

หากครัวกลาง หรือพื้นที่จัดเก็บวัตถุดิบไม่ได้มีการจัดการอย่างเป็นระบบ เช่น วางสินค้ากระจัดกระจาย ไม่ได้แบ่งตามหมวดหมู่สินค้า อาจทำให้เกิดปัญหาในการจัดการสินค้าตามมา ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์และวัตถุดิบที่แช่ตู้เย็นไว้นานจนเน่าเสีย ซึ่งทางร้านมาตรวจพบตอนที่จะนำวัตถุดิบมาปรุงอาหารแต่กลับไม่สามารถใช้ได้ ทำให้ต้องทิ้งของ เสียเวลาในการเคลียร์สินค้า และเสียโอกาสจากการที่ไม่ได้ใช้วัตถุดิบนั้นปรุงอาหาร

นอกจากนี้ ครัวกลางที่ไม่ได้มีระบบการจัดการที่ดี ยังส่งผลให้พนักงานใช้ระยะเวลานานในการค้นหาสินค้า และอาจหาสินค้าไม่พบเมื่อต้องการใช้งานอย่างเร่งด่วน รวมถึงเสี่ยงเกิดความผิดพลาดในการส่งวัตถุดิบไปยังสาขาต่างๆ หรือการหยิบสินค้าผิดเพราะมีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งส่งผลกระทบทำให้การปฏิบัติงานสะดุด และให้บริการลูกค้าล่าช้า จนอาจสูญเสียโอกาสทางธุรกิจไป

3. ความเสี่ยงความลับทางการค้ารั่วไหล

สำหรับธุรกิจร้านอาหารแล้ว สูตรอาหารถือเป็นความลับทางการค้าที่สำคัญ ซึ่งนอกจากสูตรอาหารแล้ว แผนงานธุรกิจ แผนการตลาด หรือข้อมูลทางการเงินอื่นๆ ควรมีการจัดเก็บอย่างปลอดภัยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากไม่มีระบบการจัดการข้อมูลที่ปลอดภัย ข้อมูลที่เป็นความลับทางการค้าเหล่านี้อาจสุ่มเสี่ยงรั่วไหลไปยังคู่แข่ง และส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในระยะยาวได้

4. ขาดข้อมูลวิเคราะห์ ไม่ครบถ้วนและคลาดเคลื่อน กระทบการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์

หากธุรกิจร้านอาหารมีระบบเก็บข้อมูลที่รวมศูนย์ไว้ที่เดียว การบันทึกข้อมูลของธุรกิจไว้ในหลายๆ ระบบแยกส่วนกัน อาจทำให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน คลาดเคลื่อน หรืออาจเกิดความผิดพลาดขึ้น ส่งผลให้ไม่สามารถนำข้อมูลไปใช้วิเคราะห์เพื่อช่วยบริหารธุรกิจและตัดสินใจ เช่น การวิเคราะห์ยอดขายสำหรับตัดสินใจขยายธุรกิจ การเปิดตัวเมนูหรือยกเลิกการขายสินค้าบางประเภท การประเมินกำลังการผลิต หรือหรือทำการตลาดใหม่ๆ  

5. งานเอกสารและการทำบัญชีล่าช้า

ธุรกิจร้านอาหารมีข้อมูลหลากหลายส่วนที่ต้องบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นสาขาที่ต้องส่งใบคำสั่งซื้อ ใบขอเบิกวัตถุดิบ หรือรายงานสต็อกสินค้าต่างๆ ไปยังครัวกลาง

หากไม่ได้มีระบบมาช่วยจัดการติดตามและเก็บข้อมูล การส่งเอกสารรูปแบบกระดาษหรือรูปแบบไฟล์ดิจิทัล อาจเสี่ยงตกหล่น สูญหาย หรืออาจเกิดข้อผิดพลาดได้ ส่งผลให้กระบวนการทำเอกสารต่างๆ และการทำบัญชีล่าช้าตามไปด้วย

6. ปัญหาการกระจายสินค้าและขาดระบบควบคุมการผลิต

หากธุรกิจร้านอาหารไม่มีระบบบริหารจัดการส่วนกลางเพื่อติดตามการจัดส่งวัตถุดิบ อาจเกิดปัญหาเรื่องการกระจายสินค้าที่เสี่ยงตกหล่น ไม่มีเอกสารหลักฐานชัดเจนในการติดตาม เมื่อเกิดความผิดพลาดดังกล่าว จะส่งผลให้ครัวกลางที่นำวัตถุดิบไปปรุงอาหารไม่สามารถติดตามยอดคงเหลือจริงของแต่ละสาขาได้ ทำให้ไม่สามารถประเมินยอดวัตถุดิบที่ควรกระจายให้แต่ละสาขา

นอกจากนี้ การปราศจากระบบส่วนกลาง ที่ไม่มีระบบการแจ้งเตือนและจัดคิวการผลิตอาหารตามคำสั่งซื้อจากสาขา จะทำให้ครัวกลางไม่สามารถควบคุมการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเมินจำนวนการผลิตได้ยาก ส่งผลให้ปรุงเมนูอาหารมากเกินไปหรือน้อยเกินไป

ระบบ ERP ทางออกของธุรกิจร้านอาหารยุคใหม่


ระบบ ERP ทางออกของธุรกิจร้านอาหารยุคใหม่

จากปัญหาข้างต้นที่ธุรกิจร้านอาหารเผชิญ สาเหตุสำคัญของปัญหาต่างๆ ล้วนมาจากการขาดระบบการบริหารจัดการทรัพยากร (ERP) ที่มีประสิทธิภาพ โดย Microsoft Dynamics 365 Finance and Supply Chain Management เป็นหนึ่งในระบบ ERP ที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาการจัดการทรัพยากรของร้านอาหารได้อย่างครบวงจร ด้วยการรวบรวมข้อมูลไว้ที่จุดเดียว ช่วยให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

1. วางแผนการสั่งซื้อวัตถุดิบอย่างแม่นยำ

ระบบ ERP สามารถช่วยแนะนำและวางแผนการสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ โดยเชื่อมต่อกับระบบขายหน้าร้าน (POS) เพื่อรับข้อมูลคำสั่งซื้อจากหน้าร้านโดยตรง ทำให้สำนักงานใหญ่สามารถควบคุมการสั่งซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาวัตถุดิบมากเกินไปหรือน้อยเกินไป

2. จัดการคลังสินค้าอย่างเป็นระบบ

ระบบ ERP ช่วยวางแผนการรับสินค้าและจัดเก็บวัตถุดิบอย่างมีระเบียบ เนื่องจากแสดง Real-time stock ทั้งในครัวกลางและแต่ละสาขา รวมถึงมีระบบแจ้งเตือน Reorder point หรือ “จุดสั่งซื้อ” ซึ่งเป็นระดับสต็อกสินค้าต่ำสุดที่ธุรกิจควรมีในคลังสินค้า เพื่อให้สามารถสั่งซื้อสินค้าใหม่ได้ทันเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดแคลนสินค้าและช่วยควบคุมการใช้วัตถุดิบให้ทันวันหมดอายุ พร้อมแนะนำการจัดวางที่เหมาะสม ทำให้ค้นหาสินค้าได้รวดเร็ว และใช้พื้นที่คลังสินค้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ 

3. เพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งวัตถุดิบไปยังสาขา

ระบบ ERP สามารถแนะนำพื้นที่และเส้นทางการหยิบสินค้าที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยการสแกน QR หรือ Barcode ผ่านอุปกรณ์ Handheld พร้อมกระบวนการ Re-check ก่อนดำเนินการจัดส่ง เพื่อลดความผิดพลาดและเพิ่มความเร็วในการจัดส่ง

4. ปกป้องความลับทางการค้าด้วยระบบความปลอดภัยขั้นสูง

ERP มีระบบควบคุมการเข้าถึงข้อมูลและบันทึกประวัติการใช้งาน ทำให้สามารถป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับสิทธิ์อนุญาต ซึ่งช่วยปกป้องสูตรอาหารและข้อมูลสำคัญของธุรกิจ

5. เชื่อมต่อข้อมูลได้แบบ Real-time ช่วยให้ตัดสินใจที่แม่นยำขึ้น

ระบบ ERP สามารถเชื่อมต่อกับระบบ POS เพื่อดึงข้อมูลยอดขายและข้อมูลธุรกรรมต่างๆ ได้แบบ Real-time หรือตามรอบเวลาที่กำหนด ซึ่งช่วยลดภาระพนักงานในการบันทึกข้อมูลซ้ำซ้อน พร้อมทั้งสร้างรายงานวิเคราะห์ที่ละเอียดในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ยอดขาย ต้นทุน กำไรแบบเรียลไทม์ การทำรายงาน Food Cost รายวันที่แบ่งตามรายวันหรือตามรายสาขา การวิเคราะห์เมนูขายดีหรือเมนูขาดทุน การคำนวณกำไรแยกตามสาขาหรือตามประเภทอาหาร รวมไปถึงการวิเคราะห์วัตถุดิบที่นำไปใช้ประกอบอาหารมากที่สุด เป็นต้น

6. ควบคุมการผลิตในครัวกลางให้เป็นระบบ

ธุรกิจร้านอาหารสามารถใช้ฟีเจอร์ภายในระบบ Microsoft Dynamic 365 ที่มีชื่อว่า Master Planning เพื่อวางแผนการผลิตอาหารและ Production Orders ที่ช่วยติดตามคำสั่งซื้อของสาขา นอกจากนี้ ธุรกิจยังสามารถวางแผนการใช้วัตถุดิบและเวลาการผลิต ด้วยการใช้ฟีเจอร์ BOM (Bill of Materials) ซึ่งหมายถึงรายการวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้าแต่ละรายการ โดยระบุว่าวัตถุดิบที่ต้องใช้คืออะไรและในปริมาณเท่าใด ผสมผสานกับ Route หรือเส้นทางการผลิต ที่เป็นกระบวนการที่กำหนดว่าสินค้าต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง อีกทั้งระบบยังมีการเก็บประวัติการผลิตแบบ Audit trail ที่บันทึกประวัติการเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่างๆ ทำให้สามารถย้อนตรวจสอบได้

7. จัดการการเบิกสินค้าและจัดส่งวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพ

ธุรกิจร้านอาหารสามารถจัดการการเบิกของจากสาขาและการส่งของจากครัวกลาง โดยภายในระบบ Microsoft Dynamic 365 สามารถทำได้ผ่านการใช้ฟีเจอร์ Transfer Orders หรือ Intercompany Order เพื่อให้สาขาสั่งผ่านระบบเลย รวมไปถึงมีระบบจัดรายการจัดส่ง (Picking List / Delivery Note) พร้อมติดตามสถานะ สามารถตรวจสอบสต๊อกครัวกลางและสาขาได้แบบ Real-time

8. ทำบัญชีได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

ด้วยฟีเจอร์ภายใน Microsoft Dynamic 365 ธุรกิจร้านอาหารสามารถเชื่อมบัญชีแยกประเภทแบบอัตโนมัติ เนื่องจากมีระบบเชื่อมรายการจัดซื้อ การผลิตและการขาย เพื่อเข้าบัญชีโดยอัตโนมัติ ทำให้ต้นทุนขาย (COGS) ถูกลงบัญชีตามจริงเมื่อขายอาหาร อีกทั้งยังรองรับระบบบัญชีต้นทุนแบบมาตรฐาน (Standard Cost) และแบบต้นทุนจริง (Actual Cost) ที่ใช้ข้อมูลวัตถุดิบจริง ค่าแรงงานจริง และค่าใช้จ่ายการผลิตจริงเพื่อการประเมินมูลค่าต้นทุนการผลิต

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเมื่อใช้ระบบ ERP ในธุรกิจร้านอาหาร


ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเมื่อใช้ระบบ ERP ในธุรกิจร้านอาหาร

ลดต้นทุนการดำเนินงาน

  • ประหยัดค่าแรงพนักงานในการบันทึกข้อมูลระหว่างระบบ
  • วางแผนกำลังคนได้แม่นยำ ลดการจ้าง OT กะทันหัน
  • ประหยัดค่าไฟในคลังที่ไม่ต้องเปิดไฟตลอดเวลา

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

  • การจัดเตรียมสินค้ารวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น
  • ลดความผิดพลาดในการหยิบสินค้า
  • การตรวจนับสต็อกทำได้รวดเร็วและถูกต้อง

ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจ

  • ได้งบการเงินที่ละเอียดและแม่นยำ
  • วิเคราะห์ผลประกอบการได้หลายมิติ
  • พยากรณ์ยอดขายและวางแผนอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เริ่มต้นใช้งานระบบ ERP กับธุรกิจร้านอาหารของคุณ


การนำระบบ ERP มาใช้กับธุรกิจร้านอาหารเริ่มต้นจากการเก็บ Requirement และศึกษาพฤติกรรมการทำงานของพนักงาน เพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมระหว่างคนกับระบบ สำหรับ Microsoft Dynamics 365 Finance and Supply Chain Management นั้นงบประมาณสำหรับการติดตั้งระบบ ERP มาตรฐานสำหรับธุรกิจร้านอาหารอยู่ที่ประมาณ 6.5 ล้านบาท (ไม่รวม Production module, License และ Azure VM)

ยกระดับธุรกิจร้านอาหารด้วยระบบ ERP


ระบบ ERP ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการดำเนินงานต่างๆ แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและเติบโตในยุคดิจิทัล หากธุรกิจคุณกำลังมองหาโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กร Innoviz Solutions พร้อมให้คำปรึกษาและนำเสนอโซลูชันที่เหมาะสม ติดต่อเราได้ที่ :

ธุรกิจจะเล็กหรือใหญ่ก็โตได้ด้วย ERP – เจาะกรณีศึกษา 3 ภาคอุตสาหกรรม

ธุรกิจจะเล็กหรือใหญ่ก็โตได้ด้วย ERP

ในโลกธุรกิจยุคใหม่ กระบวนการหลังบ้านของธุรกิจได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขัน โดยหากการบริหารจัดการกระบวนการหลังบ้านไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ข้อมูลกระจัดกระจาย และไม่มีการรวมศูนย์ที่ชัดเจน สามารถส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธุรกิจได้อย่างคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็น การตัดสินใจผิดพลาดจากข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง การขาดทุนจากการที่ข้อมูลไม่ครบถ้วน หรือการสูญเสียลูกค้าจากบริการที่ล่าช้าเพราะข้อมูลซ้ำซ้อนและไม่ตรงกัน ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการขยายตัวในอนาคต

ระบบบริหารจัดการทรัพยากรในองค์กร (Enterprise Resource Planning: ERP)

เป็นเครื่องมือบริหารจัดการกระบวนการหลังบ้านให้เป็นระบบ ครอบคลุมทุกขั้นตอนของธุรกิจ ทำหน้าที่ช่วยรวบรวม จัดเก็บ จัดการ และรวมศูนย์ข้อมูลจากแผนกต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงระบบการทำงานจากทุกหน่วยงานภายในองค์กร ทำให้ธุรกิจสามารถนำข้อมูลไปใช้ช่วยให้กระบวนการทำงานต่างๆ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งยังองค์กรยังสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์ต่อยอดให้กลายเป็นข้อมูลเชิงกลยุทธ์ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อเชื่อมโยงระบบ ERP เข้ากับเทคโนโลยีอื่น เช่น ระบบ BI (Business Intelligence), IoT หรือแม้แต่ AI

อย่างไรก็ตาม การนำ ERP ไปประยุกต์ใช้จริงกับธุรกิจนั้นมีความแตกต่างกันไปในแต่ละภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากทุกภาคอุตสาหกรรมต่างมีความท้าทายเฉพาะ ทำให้แนวทางการแก้ไขความท้าทายด้วย ERP ต้องตอบโจทย์เฉพาะตัวด้วยเช่นกันโดยบทความนี้ได้รวบรวมปัญหาและความท้าทายที่แต่ละภาคอุตสาหกรรมเผชิญ พร้อมกรณีศึกษาเบื้องต้นในการนำ ERP ไปประยุกต์ใช้จริงใน 3 ภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ภาคอุตสาหกรรมการผลิต และหน่วยงานภาครัฐและการศึกษา

อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม


ERP อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

ปัญหาหลังบ้านที่ธุรกิจเผชิญ ⚠️

  1. การจัดการวัตถุดิบที่วุ่นวาย – ธุรกิจร้านอาหารหลายแห่งประสบปัญหาการสั่งซื้อวัตถุดิบที่ผิดพลาดบ่อยครั้ง บ้างก็สั่งน้อยจนไม่พอใช้ ต้องหาซื้อเพิ่มด้วยราคาแพง บ้างก็สั่งมากไปจนล้นพื้นที่จัดเก็บและเน่าเสีย กระทบรายได้อย่างหนัก เพราะคุมต้นทุนและปริมาณวัตถุดิบได้ยาก
  2. ระบบคลังสินค้าที่ไร้ระเบียบ – หากครัวกลางไม่มีระบบจัดเก็บวัตถุดิบให้เป็นระเบียบ การค้นหาวัตถุดิบจะเกิดความล้าช้าและค้นหายาก จนในบางกรณีทำให้ของเน่าเสีย หรือหยิบจัดส่งวัตถุดิบผิด เพราะหน้าตาคล้ายกัน ส่งผลต่อรสชาติอาหารและความพอใจของลูกค้า
  3. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยข้อมูล – หากไม่มีระบบการจัดการข้อมูลที่ปลอดภัย ข้อมูลที่เป็นความลับทางการค้าเหล่านี้อาจสุ่มเสี่ยงรั่วไหลไปยังคู่แข่ง และส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในระยะยาวได้ 
  4. การขาดข้อมูลสำหรับการตัดสินใจ – หากธุรกิจร้านอาหารไม่มีระบบเก็บข้อมูลที่รวมศูนย์ไว้ที่เดียว การบันทึกข้อมูลของธุรกิจไว้ในหลายๆ ระบบแยกส่วนกัน อาจทำให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน คลาดเคลื่อน หรืออาจเกิดความผิดพลาดขึ้น ส่งผลให้ไม่สามารถนำข้อมูลไปใช้วิเคราะห์เพื่อช่วยบริหารธุรกิจและตัดสินใจ
  5. ระบบการผลิตและจัดส่งที่ไม่มีประสิทธิภาพ – หากไม่มีระบบศูนย์กลางเพื่อควบคุมการผลิตสินค้าและระบบติดตามการจัดส่ง อาจทำให้เกิดปัญหาการกระจายสินค้าผิดพลาด และควบคุมประเมินจำนวนการผลิตได้ยาก ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเนื่องไปถึงต้นทุนของธุรกิจ

ERP แก้ปัญหาให้ธุรกิจได้อย่างไร⚙️ 

  1. ระบบจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติ – ระบบ ERP สามารถช่วยบริหารจัดการกระบวนการต่างๆ ให้เป็นไปอย่างอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า โดยเชื่อมต่อกับระบบขายหน้าร้าน (POS) เพื่อรับข้อมูลคำสั่งซื้อจากหน้าร้านโดยตรง รวมถึงมีระบบจัดการสินค้าคงคลังอัตโนมัติช่วยคำนวณปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสม ลดการสูญเสียจากวัตถุดิบเน่าเสียและลดต้นทุนการสั่งซื้อฉุกเฉินได้อย่างมีนัยสำคัญ
  2. เทคโนโลยีติดตามและระบุตัวตน – ระบบ Barcode และ RFID ช่วยในการติดตามวัตถุดิบตั้งแต่เข้าครัวจนถึงการใช้งาน ช่วยลดข้อผิดพลาดในการหยิบวัตถุดิบผิด อีกทั้งยังมีระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลขั้นสูง เพื่อปกป้องสูตรอาหารและข้อมูลสำคัญ ด้วยการควบคุมการเข้าถึงแบบหลายระดับ
  3. ระบบรายงานและการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ – Dashboard ที่แสดงข้อมูลแบบ Real-time ช่วยผู้บริหารตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ขณะที่ระบบเอกสารดิจิทัลลดเวลาการทำบัญชีลงอย่างมาก และระบบติดตามการจัดส่งแบบ GPS ช่วยให้การกระจายสินค้าแม่นยำและตรงเวลา

อุตสาหกรรมการผลิต 


ERP อุตสาหกรรมการผลิต

ปัญหาหลังบ้านที่ธุรกิจเผชิญ⚠️

  1. ระบบงานแยกส่วนที่สับสน – ในธุรกิจการผลิตที่ระบบงานแยกส่วนกัน ไม่ว่าจะเป็นส่วนการผลิต การจัดการวัสดุ หรือการจัดซื้อ ถ้าตัวโปรแกรมที่ใช้งานไม่ได้เชื่อมโยงข้อมูลและกระบวนการให้เป็นไปอย่างสอดคล้องกัน อาจทำให้ข้อมูลกระจัดกระจาย ขาดหาย หรือไม่ครบถ้วน ส่งผลให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ และเสียเวลาในการค้นหาข้อมูลจากหลายระบบ
  2. การวางแผนการผลิตที่ไม่เป็นระบบ – หากไม่มีระบบวางแผนการผลิตที่เป็นระบบจะทำให้ไม่สามารถจัดสรรการใช้วัตถุดิบ กำลังการผลิต และการจัดส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่สามารถกำหนดมาตรฐานของระบบการผลิตและวางแนวทางควบคุมคุณภาพสินค้า ซึ่งส่งผลให้คุณภาพสินค้าไม่สม่ำเสมอ
  3. การบันทึกข้อมูลแบบเก่าที่ล้าสมัย – ฝั่งโรงงานส่วนใหญ่ยังบันทึกข้อมูลผ่าน Word และ Excel ทำให้เกิดการทำงานที่ซ้ำซ้อนและไม่มีประสิทธิภาพ เสี่ยงเกิดข้อผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลผิดและข้อมูลสูญหาย

ERP แก้ปัญหาให้ธุรกิจได้อย่างไร⚙️

  1. ระบบวางแผนการผลิตที่ครอบคลุม – การนำ ERP ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิตมาใช้ ช่วยให้ธุรกิจมีระบบการผลิตที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จากการสามารถมองเห็นภาพรวมการทำงานทั้งหมดของทุกแผนกในองค์กร ตั้งแต่การเงิน การบัญชี การจัดการวัตถุดิบ และการบริหารจัดการลูกค้า ทำให้วางแผนการสั่งซื้อและผลิตสินค้าได้อย่างครอบคลุมต้้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
  2. ควบคุมและพัฒนาคุณภาพกระบวนการทำงาน – ระบบ ERP สามารถช่วยติดตามคุณภาพผลิตภัณฑ์ตลอดกระบวนการผลิต ช่วยแนะนำการลดต้นทุนในส่วนที่ไม่จำเป็น อีกทั้งยังมีระบบ Business Intelligence ที่สามารถประเมินผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ และนำข้อมูลไปวิเคราะห์ต่อ ทำใหผู้บริหารมองเห็นประสิทธิภาพการผลิต ความต้องการของตลาด และแนวโน้มต้นทุนได้ทันที
  3. บันทึกข้อมูลได้รวดเร็วผ่านแอปพลิเคชันมือถือ – ระบบ ERP ที่สามารถใช้งานได้ทั้งในคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน ช่วยให้พนักงานในโรงงานสามารถบันทึกข้อมูลการผลิตผ่านแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็วและเป็นไปแบบอัตโนมัติ ทำให้ลดข้อผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลลงได้

ภาครัฐและการศึกษา 


EERP ภาครัฐและการศึกษา

ปัญหาหลังบ้านที่ธุรกิจเผชิญ⚠️

  1. ข้อมูลกระจัดกระจายและไม่เชื่อมต่อกัน – หน่วยงานหลายแห่งมีการเก็บข้อมูลแยกส่วนกันและกระจัดกระจาย ทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขาดการบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่างๆ ส่งผลให้การหาข้อมูลนักศึกษา ข้อมูลการเงิน หรือข้อมูลงานวิจัยใช้เวลานานมาก
  2. ปัญหาการจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาล – การจัดการข้อมูลจำนวนมากของนักศึกษา อาจารย์ และบุคลากรความยุ่งยากซับซ้อน อย่างการจัดการและประมวลผลข้อมูลที่มีปริมาณสูง โดยเฉพาะในช่วงการลงทะเบียนเรียนและการสอบ
  3. การควบคุมงบประมาณที่ซับซ้อน – หน่วยงานหลายแห่งมีงบประมาณจากหลายแหล่ง ทำให้การควบคุมการใช้จ่ายและการรายงานงบประมาณมีความยากในการตรวจสอบและติดตามการใช้งบประมาณในแต่ละโครงการ
  4. ความเสี่ยงด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูล – ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยข้อมูลเป็นความกังวลสำคัญ เนื่องจากหลายหน่วยงานมีข้อมูลหลากหลายส่วนและมีข้อมูลปริมาณมหาศาล รวมถึงความซับซ้อนในการปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎระเบียบต่าง ๆ การจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสำคัญของหน่วยงาน
  5. การประสานงานที่ขาดประสิทธิภาพ – การประสานงานที่ไม่ต่อเนื่องระหว่างหน่วยงานต่างๆ เนื่องจากขาดระบบที่เชื่อมโยงกระบวนการทำงานระหว่างแผนกต่างๆ และการทำงานแบบแยกส่วน ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนและไม่มีประสิทธิภาพ

ERP แก้ปัญหาให้ธุรกิจได้อย่างไร⚙️

  1. ระบบจัดการข้อมูลแบบครบวงจร -ระบบ ERP ที่ปรับให้เหมาะสำหรับหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการศึกษา สามารถช่วยให้ข้อมูลต่างๆ เก็บรวบรวมอยู่ที่ศูนย์กลาง ขณะที่ระบบ Student Information System (SIS) รวมข้อมูลนักศึกษาทั้งหมดไว้ในที่เดียว ตั้งแต่การสมัครเรียนจนสำเร็จการศึกษา ลดเวลาการค้นหาข้อมูลลงอย่างมีนัยสำคัญ
  2. ระบบจัดการงบประมาณแบบเรียลไทม์ – ระบบ Financial Management ช่วยติดตามงบประมาณแบบ Real-time พร้อมระบบเตือนเมื่อใกล้เกินงบหรือใช้จ่ายผิดประเภท ลดข้อผิดพลาดการใช้งบประมาณลงอย่างชัดเจนและเพิ่มความโปร่งใสในการใช้งบประมาณ
  3. ระบบเชื่อมโยงกระบวนการทำงาน – ระบบ Workflow Management ช่วยเชื่อมโยงกระบวนการทำงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ลดขั้นตอนการดำเนินงานลงอย่างมาก และระบบ Document Management ช่วยจัดเก็บเอกสารดิจิทัลอย่างปลอดภัยและค้นหาได้รวดเร็ว
  4. ระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐานสากล – ระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐาน ISO 27001 และ PDPA สามารถปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสำคัญ พร้อม Audit Trail ครบถ้วนเพื่อการตรวจสอบ

ยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจด้วย ERP


จากแนวทางการนำ ERP ไปใช้แก้ไขปัญหาที่แต่ละภาคอุตสาหกรรมเผชิญนั้น ERP ไม่ได้เป็นเพียงแค่ระบบซอฟต์แวร์หนึ่ง แต่เป็นเครื่องมือเปลี่ยนแปลงธุรกิจที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ หรือสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

อย่างไรก็ตาม การเลือก ERP ที่เหมาะสมกับธุรกิจและอุตสาหกรรมเป็นหัวใจสำคัญ เนื่องจากแต่ละอุตสาหกรรมมีความต้องการที่แตกต่างกัน การเลือกระบบที่ตอบโจทย์เฉพาะจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด รวมถึงการเลือกพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาและพัฒนาระบบ ERP

การเริ่มต้นวางแผนการนำ ERP มาใช้ตั้งแต่วันนี้อาจจะเป็นตัวสร้างความได้เปรียบสำคัญของธุรกิจ เพราะในยุคที่ข้อมูลคือพลัง ธุรกิจที่สามารถนำข้อมูลไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้จะเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน

Bluebik และ Innoviz Solutions มีประสบการณ์ให้บริการด้าน ERP ในหลากหลายอุตสาหกรรม ที่พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรที่แข็งแกร่ง สามารถช่วยให้ธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) ได้อย่างราบรื่น ก้าวข้ามความท้าทายอันซับซ้อน และสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ๆ หากองค์กรใดสนใจใช้งานระบบ ERP สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ :