Tag Archive for: D365

ธุรกิจร้านอาหารนั้น “วัตถุดิบ” ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อรสชาติอาหารและความพึงพอใจของลูกค้า หากการจัดการวัตถุดิบเกิดข้อผิดพลาด มีความคลาดเคลื่อนไป ย่อมส่งผลต่อคุณภาพของอาหารและกระทบต่อรายได้ของธุรกิจร้านอาหารโดยตรง

ดังนั้น การบริหารจัดการครัวกลางและการจัดสรรวัตถุดิบอย่างเป็นระบบจึงไม่ควรมองข้าม บทความนี้จึงอยากชวนมาทำความเข้าใจปัญหาและความท้าทายของธุรกิจร้านอาหาร พร้อมแนวทางจัดการปัญหาเหล่านั้น ด้วยการนำระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) มาประยุกต์ใช้เพื่อบริหารจัดการกระบวนการต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

6 ปัญหาหลังร้านที่ธุรกิจร้านอาหารต้องเผชิญ


1. การสั่งซื้อวัตถุดิบที่ผิดพลาด แค่พลาดนิดเดียว ก็กระทบรายได้

ร้านอาหารหลายแห่งประสบปัญหาการสั่งซื้อวัตถุดิบในปริมาณที่ไม่เหมาะสม ทั้งสั่งน้อยเกินไปจนไม่พอใช้ หรือสั่งมากเกินไปจนล้นพื้นที่จัดเก็บและวัตถุดิบเน่าเสีย โดยเฉพาะร้านอาหารที่มีหลายสาขา หากไม่มีระบบสั่งซื้อกลาง มาช่วยบริหารจัดการควบคุมต้นทุนและปริมาณวัตถุดิบ สาขาจะสั่งวัตถุดิบเกินจำเป็น ไม่ได้มีการตรวจสอบกับยอดขายจริง ทำให้การควบคุมต้นทุนและปริมาณวัตถุดิบจะเป็นเรื่องที่ยาก

2. ครัวกลางไร้ระบบ ทำให้หาวัตถุดิบยากและล่าช้าจนของเน่าเสีย

หากครัวกลาง หรือพื้นที่จัดเก็บวัตถุดิบไม่ได้มีการจัดการอย่างเป็นระบบ เช่น วางสินค้ากระจัดกระจาย ไม่ได้แบ่งตามหมวดหมู่สินค้า อาจทำให้เกิดปัญหาในการจัดการสินค้าตามมา ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์และวัตถุดิบที่แช่ตู้เย็นไว้นานจนเน่าเสีย ซึ่งทางร้านมาตรวจพบตอนที่จะนำวัตถุดิบมาปรุงอาหารแต่กลับไม่สามารถใช้ได้ ทำให้ต้องทิ้งของ เสียเวลาในการเคลียร์สินค้า และเสียโอกาสจากการที่ไม่ได้ใช้วัตถุดิบนั้นปรุงอาหาร

นอกจากนี้ ครัวกลางที่ไม่ได้มีระบบการจัดการที่ดี ยังส่งผลให้พนักงานใช้ระยะเวลานานในการค้นหาสินค้า และอาจหาสินค้าไม่พบเมื่อต้องการใช้งานอย่างเร่งด่วน รวมถึงเสี่ยงเกิดความผิดพลาดในการส่งวัตถุดิบไปยังสาขาต่างๆ หรือการหยิบสินค้าผิดเพราะมีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งส่งผลกระทบทำให้การปฏิบัติงานสะดุด และให้บริการลูกค้าล่าช้า จนอาจสูญเสียโอกาสทางธุรกิจไป

3. ความเสี่ยงความลับทางการค้ารั่วไหล

สำหรับธุรกิจร้านอาหารแล้ว สูตรอาหารถือเป็นความลับทางการค้าที่สำคัญ ซึ่งนอกจากสูตรอาหารแล้ว แผนงานธุรกิจ แผนการตลาด หรือข้อมูลทางการเงินอื่นๆ ควรมีการจัดเก็บอย่างปลอดภัยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากไม่มีระบบการจัดการข้อมูลที่ปลอดภัย ข้อมูลที่เป็นความลับทางการค้าเหล่านี้อาจสุ่มเสี่ยงรั่วไหลไปยังคู่แข่ง และส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในระยะยาวได้

4. ขาดข้อมูลวิเคราะห์ ไม่ครบถ้วนและคลาดเคลื่อน กระทบการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์

หากธุรกิจร้านอาหารมีระบบเก็บข้อมูลที่รวมศูนย์ไว้ที่เดียว การบันทึกข้อมูลของธุรกิจไว้ในหลายๆ ระบบแยกส่วนกัน อาจทำให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน คลาดเคลื่อน หรืออาจเกิดความผิดพลาดขึ้น ส่งผลให้ไม่สามารถนำข้อมูลไปใช้วิเคราะห์เพื่อช่วยบริหารธุรกิจและตัดสินใจ เช่น การวิเคราะห์ยอดขายสำหรับตัดสินใจขยายธุรกิจ การเปิดตัวเมนูหรือยกเลิกการขายสินค้าบางประเภท การประเมินกำลังการผลิต หรือหรือทำการตลาดใหม่ๆ  

5. งานเอกสารและการทำบัญชีล่าช้า

ธุรกิจร้านอาหารมีข้อมูลหลากหลายส่วนที่ต้องบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นสาขาที่ต้องส่งใบคำสั่งซื้อ ใบขอเบิกวัตถุดิบ หรือรายงานสต็อกสินค้าต่างๆ ไปยังครัวกลาง

หากไม่ได้มีระบบมาช่วยจัดการติดตามและเก็บข้อมูล การส่งเอกสารรูปแบบกระดาษหรือรูปแบบไฟล์ดิจิทัล อาจเสี่ยงตกหล่น สูญหาย หรืออาจเกิดข้อผิดพลาดได้ ส่งผลให้กระบวนการทำเอกสารต่างๆ และการทำบัญชีล่าช้าตามไปด้วย

6. ปัญหาการกระจายสินค้าและขาดระบบควบคุมการผลิต

หากธุรกิจร้านอาหารไม่มีระบบบริหารจัดการส่วนกลางเพื่อติดตามการจัดส่งวัตถุดิบ อาจเกิดปัญหาเรื่องการกระจายสินค้าที่เสี่ยงตกหล่น ไม่มีเอกสารหลักฐานชัดเจนในการติดตาม เมื่อเกิดความผิดพลาดดังกล่าว จะส่งผลให้ครัวกลางที่นำวัตถุดิบไปปรุงอาหารไม่สามารถติดตามยอดคงเหลือจริงของแต่ละสาขาได้ ทำให้ไม่สามารถประเมินยอดวัตถุดิบที่ควรกระจายให้แต่ละสาขา

นอกจากนี้ การปราศจากระบบส่วนกลาง ที่ไม่มีระบบการแจ้งเตือนและจัดคิวการผลิตอาหารตามคำสั่งซื้อจากสาขา จะทำให้ครัวกลางไม่สามารถควบคุมการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเมินจำนวนการผลิตได้ยาก ส่งผลให้ปรุงเมนูอาหารมากเกินไปหรือน้อยเกินไป

ระบบ ERP ทางออกของธุรกิจร้านอาหารยุคใหม่


ระบบ ERP ทางออกของธุรกิจร้านอาหารยุคใหม่

จากปัญหาข้างต้นที่ธุรกิจร้านอาหารเผชิญ สาเหตุสำคัญของปัญหาต่างๆ ล้วนมาจากการขาดระบบการบริหารจัดการทรัพยากร (ERP) ที่มีประสิทธิภาพ โดย Microsoft Dynamics 365 Finance and Supply Chain Management เป็นหนึ่งในระบบ ERP ที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาการจัดการทรัพยากรของร้านอาหารได้อย่างครบวงจร ด้วยการรวบรวมข้อมูลไว้ที่จุดเดียว ช่วยให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

1. วางแผนการสั่งซื้อวัตถุดิบอย่างแม่นยำ

ระบบ ERP สามารถช่วยแนะนำและวางแผนการสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ โดยเชื่อมต่อกับระบบขายหน้าร้าน (POS) เพื่อรับข้อมูลคำสั่งซื้อจากหน้าร้านโดยตรง ทำให้สำนักงานใหญ่สามารถควบคุมการสั่งซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาวัตถุดิบมากเกินไปหรือน้อยเกินไป

2. จัดการคลังสินค้าอย่างเป็นระบบ

ระบบ ERP ช่วยวางแผนการรับสินค้าและจัดเก็บวัตถุดิบอย่างมีระเบียบ เนื่องจากแสดง Real-time stock ทั้งในครัวกลางและแต่ละสาขา รวมถึงมีระบบแจ้งเตือน Reorder point หรือ “จุดสั่งซื้อ” ซึ่งเป็นระดับสต็อกสินค้าต่ำสุดที่ธุรกิจควรมีในคลังสินค้า เพื่อให้สามารถสั่งซื้อสินค้าใหม่ได้ทันเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดแคลนสินค้าและช่วยควบคุมการใช้วัตถุดิบให้ทันวันหมดอายุ พร้อมแนะนำการจัดวางที่เหมาะสม ทำให้ค้นหาสินค้าได้รวดเร็ว และใช้พื้นที่คลังสินค้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ 

3. เพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งวัตถุดิบไปยังสาขา

ระบบ ERP สามารถแนะนำพื้นที่และเส้นทางการหยิบสินค้าที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยการสแกน QR หรือ Barcode ผ่านอุปกรณ์ Handheld พร้อมกระบวนการ Re-check ก่อนดำเนินการจัดส่ง เพื่อลดความผิดพลาดและเพิ่มความเร็วในการจัดส่ง

4. ปกป้องความลับทางการค้าด้วยระบบความปลอดภัยขั้นสูง

ERP มีระบบควบคุมการเข้าถึงข้อมูลและบันทึกประวัติการใช้งาน ทำให้สามารถป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับสิทธิ์อนุญาต ซึ่งช่วยปกป้องสูตรอาหารและข้อมูลสำคัญของธุรกิจ

5. เชื่อมต่อข้อมูลได้แบบ Real-time ช่วยให้ตัดสินใจที่แม่นยำขึ้น

ระบบ ERP สามารถเชื่อมต่อกับระบบ POS เพื่อดึงข้อมูลยอดขายและข้อมูลธุรกรรมต่างๆ ได้แบบ Real-time หรือตามรอบเวลาที่กำหนด ซึ่งช่วยลดภาระพนักงานในการบันทึกข้อมูลซ้ำซ้อน พร้อมทั้งสร้างรายงานวิเคราะห์ที่ละเอียดในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ยอดขาย ต้นทุน กำไรแบบเรียลไทม์ การทำรายงาน Food Cost รายวันที่แบ่งตามรายวันหรือตามรายสาขา การวิเคราะห์เมนูขายดีหรือเมนูขาดทุน การคำนวณกำไรแยกตามสาขาหรือตามประเภทอาหาร รวมไปถึงการวิเคราะห์วัตถุดิบที่นำไปใช้ประกอบอาหารมากที่สุด เป็นต้น

6. ควบคุมการผลิตในครัวกลางให้เป็นระบบ

ธุรกิจร้านอาหารสามารถใช้ฟีเจอร์ภายในระบบ Microsoft Dynamic 365 ที่มีชื่อว่า Master Planning เพื่อวางแผนการผลิตอาหารและ Production Orders ที่ช่วยติดตามคำสั่งซื้อของสาขา นอกจากนี้ ธุรกิจยังสามารถวางแผนการใช้วัตถุดิบและเวลาการผลิต ด้วยการใช้ฟีเจอร์ BOM (Bill of Materials) ซึ่งหมายถึงรายการวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้าแต่ละรายการ โดยระบุว่าวัตถุดิบที่ต้องใช้คืออะไรและในปริมาณเท่าใด ผสมผสานกับ Route หรือเส้นทางการผลิต ที่เป็นกระบวนการที่กำหนดว่าสินค้าต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง อีกทั้งระบบยังมีการเก็บประวัติการผลิตแบบ Audit trail ที่บันทึกประวัติการเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่างๆ ทำให้สามารถย้อนตรวจสอบได้

7. จัดการการเบิกสินค้าและจัดส่งวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพ

ธุรกิจร้านอาหารสามารถจัดการการเบิกของจากสาขาและการส่งของจากครัวกลาง โดยภายในระบบ Microsoft Dynamic 365 สามารถทำได้ผ่านการใช้ฟีเจอร์ Transfer Orders หรือ Intercompany Order เพื่อให้สาขาสั่งผ่านระบบเลย รวมไปถึงมีระบบจัดรายการจัดส่ง (Picking List / Delivery Note) พร้อมติดตามสถานะ สามารถตรวจสอบสต๊อกครัวกลางและสาขาได้แบบ Real-time

8. ทำบัญชีได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

ด้วยฟีเจอร์ภายใน Microsoft Dynamic 365 ธุรกิจร้านอาหารสามารถเชื่อมบัญชีแยกประเภทแบบอัตโนมัติ เนื่องจากมีระบบเชื่อมรายการจัดซื้อ การผลิตและการขาย เพื่อเข้าบัญชีโดยอัตโนมัติ ทำให้ต้นทุนขาย (COGS) ถูกลงบัญชีตามจริงเมื่อขายอาหาร อีกทั้งยังรองรับระบบบัญชีต้นทุนแบบมาตรฐาน (Standard Cost) และแบบต้นทุนจริง (Actual Cost) ที่ใช้ข้อมูลวัตถุดิบจริง ค่าแรงงานจริง และค่าใช้จ่ายการผลิตจริงเพื่อการประเมินมูลค่าต้นทุนการผลิต

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเมื่อใช้ระบบ ERP ในธุรกิจร้านอาหาร


ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเมื่อใช้ระบบ ERP ในธุรกิจร้านอาหาร

ลดต้นทุนการดำเนินงาน

  • ประหยัดค่าแรงพนักงานในการบันทึกข้อมูลระหว่างระบบ
  • วางแผนกำลังคนได้แม่นยำ ลดการจ้าง OT กะทันหัน
  • ประหยัดค่าไฟในคลังที่ไม่ต้องเปิดไฟตลอดเวลา

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

  • การจัดเตรียมสินค้ารวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น
  • ลดความผิดพลาดในการหยิบสินค้า
  • การตรวจนับสต็อกทำได้รวดเร็วและถูกต้อง

ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจ

  • ได้งบการเงินที่ละเอียดและแม่นยำ
  • วิเคราะห์ผลประกอบการได้หลายมิติ
  • พยากรณ์ยอดขายและวางแผนอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เริ่มต้นใช้งานระบบ ERP กับธุรกิจร้านอาหารของคุณ


การนำระบบ ERP มาใช้กับธุรกิจร้านอาหารเริ่มต้นจากการเก็บ Requirement และศึกษาพฤติกรรมการทำงานของพนักงาน เพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมระหว่างคนกับระบบ สำหรับ Microsoft Dynamics 365 Finance and Supply Chain Management นั้นงบประมาณสำหรับการติดตั้งระบบ ERP มาตรฐานสำหรับธุรกิจร้านอาหารอยู่ที่ประมาณ 6.5 ล้านบาท (ไม่รวม Production module, License และ Azure VM)

ยกระดับธุรกิจร้านอาหารด้วยระบบ ERP


ระบบ ERP ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการดำเนินงานต่างๆ แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและเติบโตในยุคดิจิทัล หากธุรกิจคุณกำลังมองหาโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กร Innoviz Solutions พร้อมให้คำปรึกษาและนำเสนอโซลูชันที่เหมาะสม ติดต่อเราได้ที่ :

Enterprise Resource Planning (ERP)

ปัจจุบัน โลกธุรกิจมีความซับซ้อนมากขึ้น การดำเนินงานต่างๆ ต้องการความรวดเร็วและความแม่นยำเพื่อรักษาและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน การมีระบบและโซลูชันที่มีประสิทธิภาพในการช่วยจัดการกระบวนการต่างๆ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ระบบบริหารจัดการทรัพยากรในองค์กร (ERP) จึงเข้ามามีบทบาทในการจัดการกับกระบวนการต่างๆ

บทความนี้จึงอยากพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับขีดความสามารถของ ERP ครอบคลุมตั้งแต่นิยามความสำคัญ ตัวอย่างการใช้งาน และแนวทางว่าหากองค์กรอยากเริ่มใช้งาน ERP ควรเริ่มอย่างไร

ERP คืออะไร


Enterprise Resource Planning (ERP) เป็นระบบบริหารจัดการทรัพยากรภายในองค์กร ทำหน้าที่ช่วยจัดการข้อมูล ตั้งแต่รวบรวม จัดเก็บ จัดการ และรวมศูนย์ข้อมูลจากแผนกต่างๆ รวมถึงข้อมูลคลังสินค้า การขนส่ง การขาย การบัญชี การเงิน การผลิต การจัดซื้อ และทรัพยากรบุคคล (HR) เพื่อเชื่อมโยงระบบการทำงานจากทุกหน่วยงานภายในองค์กร ทำให้สามารถนำข้อมูลไปใช้ช่วยให้กระบวนการทำงานต่างๆ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ERP ทำไมสำคัญกับธุรกิจ


  1. เพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร
    • ระบบ ERP สามารถปรับให้กระบวนการทำงานบางส่วนเป็นไปอย่างอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดระยะเวลาของขั้นตอนต่างๆ และลดข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้
  2. เพิ่มการมองเห็นภาพรวมของกระบวนการทำงาน
    • ระบบ ERP ช่วยให้เห็นภาพของกระบวนการทั้งหมดภายในองค์กร ทำให้การติดต่อสื่อสารและการทำงานระหว่างแผนกต่างๆ สะดวกและราบรื่นยิ่งขึ้น
  3. ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลภายในองค์กรได้แบบเรียลไทม์
    • ระบบ ERP ช่วยเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลได้แบบเรียลไทม์จากทุกที่ ทุกอุปกรณ์ ทำให้การกระบวนการทำงานยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  4. รองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต
    • เมื่อองค์กรขยายตัวขึ้น ระบบ ERP สามารถขยายระบบงานสำหรับส่วนงานต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นมา และปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของธุรกิจได้

ประเภทของ ERP 


  1. Cloud-based ERP software
    • เป็นการติดตั้ง ERP ไว้บน Cloud Server มีข้อดีตรงที่สะดวก สามารถเข้าใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หรือแอปพลิเคชันบนมือถือ
  2. On-premises ERP software
    • เป็นการติดตั้งระบบ ERP ไว้บน Hardware หรือ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ขององค์กร เพื่อแชร์ข้อมูลผ่านเซิร์ฟเวอร์นั้น ซึ่งมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่การเชื่อมต่อจากภายนอกองค์กรจะค่อนข้างยุ่งยาก
  3. Hybrid ERP software
    • เป็นการผสมผสานความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลทั้งจากผ่านช่องทางออนไลน์หรือจากอุปกรณ์เฉพาะ

โมดูลหลัก (ระบบงาน) ของ ERP มีอะไรบ้าง


1.ระบบจัดการการเงิน (Financial Management)

ระบบจัดการการเงินเป็นโมดูลพื้นฐานสำหรับทุกระบบ ERP ช่วยบริหารจัดการข้อมูลทางบัญชี รายรับ-รายจ่ายขององค์กร และข้อมูลทางการเงินทั้งหมด เพื่อนำไปใช้  สำหรับทำรายงานทางการเงิน และนำไปวิเคราะห์เป็นข้อมูลเชิงลึกสำหรับประกอบการตัดสินใจทางธุรกิจ

2.ระบบจัดการทรัพยากรบุคคล (Human Resource Management)

ระบบนี้จะช่วยรวบรวมและแสดงข้อมูลต่างๆ ของพนักงานภายในองค์กร เช่น ผลการทำงาน การลางาน และข้อมูลพื้นฐานอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการทำงานของฝ่ายทรัพยากรบุคคลมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และทำให้องค์กรมองเห็นแนวโน้มของจำนวนพนักงานในแผนกต่างๆ และประเมินได้ว่าควรรับบุคลากรเพิ่มเมื่อใด และจำนวนเท่าไร

3.ระบบจัดการซัพพลายเชน (Supply Chain Management)

ระบบจัดการซัพพลายเชนช่วยให้ธุรกิจมองเห็นภาพรวมทั้งหมดของสินค้า ตั้งแต่ปริมาณการผลิตสินค้า จำนวนที่สั่งซื้อจากซัพพลายเออร์ ไปจนถึงฟีดแบ็กจากผู้สั่งซื้อ ทำให้ธุรกิจสามารถประเมินได้ว่าควรผลิตหรือสั่งซื้อสินค้าประเภทใดในช่วงเวลาไหนจึงจะคุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุด

4.ระบบจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (Customer Relationship Management)

ระบบจัดการความสัมพันธ์ลูกค้าหรือ CRM จะช่วยวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า สำหรับคาดการณ์ว่าสินค้าและบริการประเภทไหนเหมาะกับลูกค้ากลุ่มใด เพื่อเพิ่มโอกาสการกลับมาซื้อซ้ำหรือนำเสนอสินค้าอื่นๆ เพิ่ม ระบบ CRM ยังช่วยในการติดตามการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการลูกค้าที่มีโอกาสซื้อสินค้า (Lead)

ตัวอย่างการใช้งาน ERP สำหรับองค์กร


  1. ธุรกิจการผลิต
    • ระบบ ERP สามารถช่วยจัดการซัพพลายเชนทั้งหมด ตั้งแต่การจัดซื้อวัตถุดิบ บริหารจัดการทรัพยากร ไปจนถึงการขนส่งสินค้า ทำให้ธุรกิจลดความเสี่ยงกระบวนการล่าช้า และบริหารจัดการสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  2. ธุรกิจค้าปลีก
    • ระบบ ERP สามารถให้ข้อมูลระดับสินค้าคงคลังได้แบบเรียลไทม์และตรวจสอบคลังสินค้าได้จากหลายตำแหน่งที่ตั้งร้าน ทำให้ธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนจำนวนสินค้าแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มให้ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป
  3. ธุรกิจบริการทางการเงิน
    • ระบบ ERP สามารถช่วยจัดการระบบการเงินให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ครอบคลุมหลายส่วนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบัญชี General Ledger (GL) บัญชี Accounts Payable (AP) และบัญชี Accounts Receivable (AR) รวมถึงการทำรายงานทางการเงิน และการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
  4. ธุรกิจพลังงาน
    • ระบบ ERP สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์เครื่องจักร ซึ่งช่วยคาดการณ์ช่วงเวลาการซ่อมบำรุง การติดตามและตรวจสอบกระบวนการทำงานต่างๆ ไปจนถึงการจัดทำเอกสารให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม

3 ข้อที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกระบบ ERP


1.เลือกให้เหมาะกับความต้องการของธุรกิจ

ธุรกิจแต่ละแห่งต่างมีความต้องการที่แตกต่างกัน และระบบ ERP มีหลากหลายแบรนด์ จึงควรเลือกให้เหมาะกับความต้องการของตัวธุรกิจมากที่่สุด โดยอาจพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น

  • ระบบการทำงานปัจจุบันเกิดปัญหาที่ตรงไหน และธุรกิจต้องการนำ ERP มาใช้ทำงานฟังก์ชันไหน
  • กระบวนการทำงานอะไรที่ต้องการปรับให้เป็นแบบอัตโนมัติ
  • ส่วนไหนของกระบวนการธุรกิจที่ต้องการเห็นภาพข้อมูลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น หรือมีปัญหาในการดึงข้อมูลไปใช้งาน
  • มีระบบอื่นๆ ที่ต้องการนำมาเชื่อมต่อกับ ERP หรือไม่

2.ความคุ้มค่าจากการลงทุน (ROI)

การประเมินความคุ้มค่าจากการลงทุนในระบบ ERP สามารถประเมินเบื้องต้นได้จากหลายแง่มุม เช่น

  • ค่าใช้จ่ายที่ลดลง จากการนำระบบ ERP มาใช้ เช่น ต้นทุนและระยะเวลาที่ลดลงจากการนำกระบวนการอัตโนมัติมาใช้ในการทำงานซ้ำซ้อน หรือค่าใช้จ่ายที่ลดลงจากการจัดการสินค้าคงคลังหรือโลจิสติกส์ที่ดีขึ้น เป็นต้น
  • ขีดความสามารถของธุรกิจที่เพิ่มขึ้นจากระบบ ERP เช่น กระบวนการทำงานต่างๆ ของธุรกิจที่รวดเร็ว แม่นยำยิ่งขึ้น การให้บริการลูกค้าที่มีประสิทธิภาพขึ้น หรือการทำรายงาน รวบรวมข้อมูลต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์
  • เกณฑ์การประเมิน ROI ในระยะยาว เช่น ระบบ ERP ใหม่มีความคุ้มค่ามากแค่ไหนหลังผ่านไปแล้ว 1 ปี หรือ 5 ปี

นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่นที่ธุรกิจอาจต้องพิจารณาเพิ่มคือ Total Cost of Ownership (TCO) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดต้นทุนที่เกี่ยวข้องตลอดการใช้งานระบบหรืออุปกรณ์ต่างๆ เช่น

  • ค่าใช้จ่ายในการวางระบบ ซึ่งอาจครอบคลุมตั้งแต่ค่าบริการให้คำปรึกษา สิ่งที่จะส่งมอบ และการปรับแต่งระบบให้เหมาะกับความต้องการของธุรกิจแต่ละราย
  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ หรือ Cloud hosting

3.พาร์ทเนอร์ในการวางระบบ ERP

พาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการวางระบบ ERP ให้ประสบความสำคัญ โดยการวางระบบและปรับแต่งระบบ ERP ให้ตรงตามความต้องการของธุรกิจมากที่สุด พาร์ทเนอร์ต้องมีทั้งความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ทั้งในเชิงธุรกิจและเชิงเทคนิค รวมไปถึงการช่วยสนับสนุนในด้านต่างๆ หลังการ Go Live หรือขึ้นระบบให้กับธุรกิจแล้ว

การเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ยุคดิจิทัลไม่ใช่แค่การนำเทคโนโลยีมาใช้ แต่เป็นการวางกลยุทธ์ใหม่ที่สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจอย่างแท้จริง การมีพาร์ทเนอร์ที่เชี่ยวชาญทั้งในด้านธุรกิจและองค์ความรู้เชิงเทคนิค รวมถึงมีประสบการณ์คร่ำหวอดในภาคอุตสาหกรรม จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการทรานส์ฟอร์มองค์กรเพื่อนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ และสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้จริง

Innoviz Solutions มีประสบการณ์ให้บริการในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งประสบความสำเร็จมากกว่า 400 บริษัท ด้วยบริการด้าน ERP และ BPI (Business Process Improvement) ที่พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรที่แข็งแกร่ง สามารถช่วยให้ธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) ได้อย่างราบรื่น ก้าวข้ามความท้าทายอันซับซ้อน และสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ๆ หากองค์กรใดสนใจใช้งานระบบ ERP สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ :

Microsoft Copilot Studio

ธุรกิจของคุณพร้อมสำหรับอนาคตแล้วหรือยัง

ในยุคที่ธุรกิจต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือด ผู้บริหารต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งในด้านการบริหารทีม การเพิ่มยอดขาย และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เช่น ผู้บริหารหลายคนต้องใช้เวลาไปกับการตอบคำถามพนักงาน ทำให้ไม่มีเวลาโฟกัสกับกลยุทธ์หลักขององค์กร หรือ ทีมขายอาจใช้เวลาไปกับงานที่ต้องทำซ้ำ แทนที่จะเน้นไปที่การปิดการขาย เป็นต้น เทคโนโลยี AI ไม่ได้เป็นเพียงแค่แนวคิดในอนาคตอีกต่อไป แต่ได้กลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด และหนึ่งในโซลูชันที่ทรงพลังที่สุดคือ Microsoft Copilot Studio 

Microsoft Copilot Studio คืออะไร 

Copilot Studio คือเครื่องมือจาก Microsoft ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้าง ปรับแต่ง และควบคุมการทำงานของ AI Copilot ได้อย่างสะดวก โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดในระดับสูง (Low-code/No-code) เหมาะสำหรับธุรกิจหรือองค์กรที่ต้องการปรับแต่ง AI Copilot ให้ตรงตามกระบวนการการทำงานเฉพาะด้านภายในองค์กร เช่น ตอบคำถามลูกค้า เชื่อมต่อกับข้อมูลในระบบขององค์กร และการผสานข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น Microsoft 365, SharePoint, Dataverse หรือ Microsoft Dynamics 365 เป็นต้น 

Microsoft Copilot Studio ช่วยองค์กรของคุณได้อย่างไร 

1.ยกระดับการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ปัญหาที่พบบ่อย – ผู้บริหารหลายคนต้องใช้เวลามากมายไปกับการตรวจสอบงาน หรือการสื่อสารภายในองค์กรล่าช้า เช่น พนักงานไม่เข้าใจกระบวนการทำงานที่ถูกต้อง ต้องสอบถามหัวหน้างานที่อาจไม่ว่างหรือติดประชุมอยู่ 

AI Copilot สามารถตอบคำถาม แนะนำแนวทางการทำงาน ช่วยลดภาระงานที่ไม่จำเป็น และเพิ่มเวลาสำหรับงานที่มีมูลค่าสูงกว่า เช่น 

  • สามารถช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานที่ถูกต้องของบริษัทได้ 
  • สามารถตอบคำถามพนักงานเกี่ยวกับนโยบายของบริษัทได้โดยอัตโนมัติ 

2.สร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับลูกค้าของเรา 

ปัญหาที่พบบ่อย – ทีมขายและทีมบริการลูกค้าอาจใช้เวลาไปกับงานตอบคำถามลูกค้าเดิม ๆ หรือในกรณีลูกค้าพบปัญหาเร่งด่วน ที่อาจจะอยู่นอกเวลาทำงานขององค์กร ทีมขายและบริการไม่สามารถตอบสนองได้รวดเร็วพอ 

AI Copilot สามารถช่วยตอบคำถามลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ทีมขายและทีมบริการสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นและทำให้ลูกค้าพึงพอใจได้มากขึ้น เช่น 

  • สามารถตอบคำถามลูกค้าได้ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด 
  • ตอบคำถามและช่วยเหลือลูกค้าได้ทันที ไม่ต้องรอทีมงาน 
  • ช่วยคัดกรองความสำคัญของงานจากการสอบถามกับลูกค้า ก่อนจะมอบหมายให้พนักงานดำเนินการต่อ ช่วยให้การจัดการงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 
  • การแยกปัญหาที่เข้ามาและส่งไปตามแผนกที่ดูแลได้อย่างถูกต้อง 
  • สามารถนำเสนอรายละเอียดสินค้าหรือบริการที่เหมาะสมกับสิ่งที่ลูกค้ากำลังมองหาอยู่ได้ทันที 

3.เรียกดูข้อมูลจากหลายแหล่งได้อย่างรวดเร็ว 

ปัญหาที่พบบ่อย – องค์กรมักมีข้อมูลจำนวนมหาศาล อาจจะต้องใช้โปรแกรมที่หลากหลายในการเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้น ซึ่งทำให้ผู้บริหารและพนักงานเสียเวลาในการเข้าถึงข้อมูล 

AI Copilot จะช่วยให้ผู้บริหารเรียกดูข้อมูลจากหลายแหล่งได้ทันทีผ่าน Copilot 

  • สามารถเรียกดูข้อมูลของระบบต่าง ๆ ได้ เช่น Microsoft Dynamics 365 Finance and Supply Chain Management ผ่านการสอบถามกับ AI Copilot โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปที่ระบบ 
  • ช่วยให้พนักงานสามารถเรียกดูข้อมูลและทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น ทำให้ทุกคนในทีมติดตามความคืบหน้าของข้อมูลได้ทันที 
  • ผู้บริหารสามารถเรียกดูข้อมูลด้วยตนเองได้ทุกที่ ทุกเวลา ลดการพึ่งพาพนักงานในการค้นหาข้อมูล 

4.ช่วยให้ทรัพยากรบุคคลสามารถทำงานที่สร้างมูลค่าให้องค์กรได้มากขึ้น

ปัญหาที่พบบ่อย – องค์กรมีงานซ้ำ ๆ ที่สามารถทำด้วยเครื่องมือหรือระบบอัตโนมัติได้ แต่ปัจจุบันเป็นงานของพนักงานทุกคน ทำให้พนักงานต้องเสียเวลาไปกับงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ อาจจะทำให้องค์กรต้องจ้างพนักงานเพิ่มและมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น

ใช้ AI Copilot เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของพนักงาน โดยให้ AI Copilot ทำงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระพนักงานในองค์กร 

  • ในงานที่ปกติแล้วพนักงานต้องมาทำซ้ำ ๆ ในทุกวัน สามารถให้ AI Copilot ช่วยแบ่งเบาภาระได้ เพื่อให้พนักงานนำเวลาไปทำงานที่มีความสำคัญต่อองค์กร 

ทำไมต้องเลือก Microsoft Copilot Studio? 

ทำไมต้องเลือก Microsoft Copilot Studio?
  • ใช้งานง่ายเพราะออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นได้โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านเทคนิค 
  • ปรับแต่งได้ตามความต้องการของธุรกิจ สามารถตั้งค่า AI ให้เหมาะสมกับองค์กรของคุณ 
  • รองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย เช่น Microsoft 365, Microsoft Dynamics 365 Finance and Supply Chain Management และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้อย่างราบรื่น 
  • รองรับการประมวลผลภาษาธรรมชาติที่ล้ำสมัย สามารถเข้าใจและโต้ตอบกับผู้ใช้ได้อย่างชาญฉลาด 
  • เมื่อพัฒนา Copilot เรียบร้อยแล้ว สามารถนำไปให้บริษัทในเครือใช้งานได้ ไม่จำเป็นต้องพัฒนาใหม่ตั้งแต่ศูนย์ 

ตัวอย่างธุรกิจที่ใช้ Copilot กับ Microsoft Dynamics 365 Finance and Supply Chain Management

1.ให้ AI Copilot สร้างรายการใบขอซื้อ 

ในธุรกิจ ERP ที่ใช้ Microsoft Dynamics 365 Finance and Supply Chain Management สามารถสั่งให้ AI Copilot ไปสร้างรายการใบขอซื้อ ผ่าน Chatbot ที่ถูกปรับแต่งบน Copilot Studio โดยระบุว่าอยากให้ทำรายการซื้อสินค้าชนิดใด จากใคร จำนวนเท่าไหร่

  • เช่น “สร้างรายการใบขอซื้อ Notebook ให้พนักงานใหม่ รุ่น AAA จากบริษัท XXX 1 เครื่อง” เป็นต้น ในกรณีที่ลูกค้าลืมระบุข้อมูลที่จำเป็นบางรายการ ทาง AI Copilot สามารถถามกลับไปยังลูกค้า เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนก่อนไปสร้างรายการในระบบ 

2.ให้ AI Copilot ช่วยทำกระบวนการทางธุรกิจแทนผู้ใช้ 

ในบางธุรกิจ การขายสินค้าจะมีกระบวนการทางธุรกิจก่อนออกใบแจ้งหนี้ให้ลูกค้าอยู่ 3 ขั้นตอน คือ

  1. การเปิดใบสั่งขาย (Sales order)
  2. การหยิบสินค้าจากในคลัง (Pick)
  3. การห่อสินค้า (Pack)

ถ้าทั้ง 3 ขั้นตอนคือคนทำคนเดียวกัน ผู้ใช้รายนั้นต้องทำทั้ง 3 ขั้นตอนด้วยตนเอง ซึ่งการทำทั้ง 3 ขั้นตอน จะอยู่ในหน้าจอที่แตกต่างกัน หากมีการใช้งาน AI Copilot ที่ถูกปรับแต่งแล้ว ผู้ใช้สามารถส่งคำสั่งให้ AI Copilot ทำทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ผ่าน Chatbot ได้ในหน้าจอเดียว โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องไปทำรายการเอง และหากในบางธุรกิจ บางองค์กร ต้องการเพิ่มขั้นตอนที่ 4 ให้ AI Copilot ออกใบแจ้งหนี้ให้ด้วย ก็สามารถทำได้เช่นกัน 

3.การสอบถามข้อมูลผ่าน AI Copilot ที่เป็นข้อมูลที่อยู่นอกระบบ 

โดยปกติ ผู้ใช้สามารถใช้ AI Copilot เพื่อขอคำแนะนำในการใช้งานระบบ Microsoft Dynamics 365 Finance and Supply Chain Management ได้ ผ่านการสอบถามกับ Chatbot แต่หากผู้ใช้ต้องการเพิ่มความสามารถของ AI Copilot ให้รองรับการสอบถามข้อมูลที่อยู่นอกระบบ ผู้ใช้สามารถขยายความสามารถของ AI Copilot ด้วยตัวเองได้ ผ่านการผสานข้อมูลภายนอกเข้าไปใน Copilot Studio เพื่อให้ AI Copilot สามารถนำมาเป็นแหล่งข้อมูลในการตอบผู้ใช้

  • เช่น สามารถสอบถามข้อมูลที่อยู่ใน Public website หรือ SharePoint ที่องค์กรกำหนด เป็นต้น 

4.ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ Copilot บนระบบ Microsoft Dynamics 365 Finance and Supply Chain Management:

ถึงเวลายกระดับธุรกิจของคุณแล้ว! 

หากคุณกำลังมองหาผู้ช่วย AI Copilot ส่วนตัวอัจฉริยะที่สามารถปรับใช้ได้อย่างยืดหยุ่น และมีความเชี่ยวชาญในการทำงาน พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับระบบ Microsoft Dynamics 365 Finance and Supply Chain Management เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน การประสานพลังของ Microsoft Copilot Studio คือคำตอบของคุณ 

📞 ติดต่อเราเพื่อขอคำปรึกษากับทีมผู้เชี่ยวชาญ 

เวลาทำการ: Mon-Fri 9:00-18:00 

Email: SalesTeam@innovizsolutions.com 

Website: Innoviz Solutions 

Telephone: (662) 6514542