Tag Archive for: Innoviz

ธุรกิจจะเล็กหรือใหญ่ก็โตได้ด้วย ERP – เจาะกรณีศึกษา 3 ภาคอุตสาหกรรม

ธุรกิจจะเล็กหรือใหญ่ก็โตได้ด้วย ERP

ในโลกธุรกิจยุคใหม่ กระบวนการหลังบ้านของธุรกิจได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขัน โดยหากการบริหารจัดการกระบวนการหลังบ้านไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ข้อมูลกระจัดกระจาย และไม่มีการรวมศูนย์ที่ชัดเจน สามารถส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธุรกิจได้อย่างคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็น การตัดสินใจผิดพลาดจากข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง การขาดทุนจากการที่ข้อมูลไม่ครบถ้วน หรือการสูญเสียลูกค้าจากบริการที่ล่าช้าเพราะข้อมูลซ้ำซ้อนและไม่ตรงกัน ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการขยายตัวในอนาคต

ระบบบริหารจัดการทรัพยากรในองค์กร (Enterprise Resource Planning: ERP)

เป็นเครื่องมือบริหารจัดการกระบวนการหลังบ้านให้เป็นระบบ ครอบคลุมทุกขั้นตอนของธุรกิจ ทำหน้าที่ช่วยรวบรวม จัดเก็บ จัดการ และรวมศูนย์ข้อมูลจากแผนกต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงระบบการทำงานจากทุกหน่วยงานภายในองค์กร ทำให้ธุรกิจสามารถนำข้อมูลไปใช้ช่วยให้กระบวนการทำงานต่างๆ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งยังองค์กรยังสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์ต่อยอดให้กลายเป็นข้อมูลเชิงกลยุทธ์ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อเชื่อมโยงระบบ ERP เข้ากับเทคโนโลยีอื่น เช่น ระบบ BI (Business Intelligence), IoT หรือแม้แต่ AI

อย่างไรก็ตาม การนำ ERP ไปประยุกต์ใช้จริงกับธุรกิจนั้นมีความแตกต่างกันไปในแต่ละภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากทุกภาคอุตสาหกรรมต่างมีความท้าทายเฉพาะ ทำให้แนวทางการแก้ไขความท้าทายด้วย ERP ต้องตอบโจทย์เฉพาะตัวด้วยเช่นกันโดยบทความนี้ได้รวบรวมปัญหาและความท้าทายที่แต่ละภาคอุตสาหกรรมเผชิญ พร้อมกรณีศึกษาเบื้องต้นในการนำ ERP ไปประยุกต์ใช้จริงใน 3 ภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ภาคอุตสาหกรรมการผลิต และหน่วยงานภาครัฐและการศึกษา

อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม


ERP อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

ปัญหาหลังบ้านที่ธุรกิจเผชิญ ⚠️

  1. การจัดการวัตถุดิบที่วุ่นวาย – ธุรกิจร้านอาหารหลายแห่งประสบปัญหาการสั่งซื้อวัตถุดิบที่ผิดพลาดบ่อยครั้ง บ้างก็สั่งน้อยจนไม่พอใช้ ต้องหาซื้อเพิ่มด้วยราคาแพง บ้างก็สั่งมากไปจนล้นพื้นที่จัดเก็บและเน่าเสีย กระทบรายได้อย่างหนัก เพราะคุมต้นทุนและปริมาณวัตถุดิบได้ยาก
  2. ระบบคลังสินค้าที่ไร้ระเบียบ – หากครัวกลางไม่มีระบบจัดเก็บวัตถุดิบให้เป็นระเบียบ การค้นหาวัตถุดิบจะเกิดความล้าช้าและค้นหายาก จนในบางกรณีทำให้ของเน่าเสีย หรือหยิบจัดส่งวัตถุดิบผิด เพราะหน้าตาคล้ายกัน ส่งผลต่อรสชาติอาหารและความพอใจของลูกค้า
  3. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยข้อมูล – หากไม่มีระบบการจัดการข้อมูลที่ปลอดภัย ข้อมูลที่เป็นความลับทางการค้าเหล่านี้อาจสุ่มเสี่ยงรั่วไหลไปยังคู่แข่ง และส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในระยะยาวได้ 
  4. การขาดข้อมูลสำหรับการตัดสินใจ – หากธุรกิจร้านอาหารไม่มีระบบเก็บข้อมูลที่รวมศูนย์ไว้ที่เดียว การบันทึกข้อมูลของธุรกิจไว้ในหลายๆ ระบบแยกส่วนกัน อาจทำให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน คลาดเคลื่อน หรืออาจเกิดความผิดพลาดขึ้น ส่งผลให้ไม่สามารถนำข้อมูลไปใช้วิเคราะห์เพื่อช่วยบริหารธุรกิจและตัดสินใจ
  5. ระบบการผลิตและจัดส่งที่ไม่มีประสิทธิภาพ – หากไม่มีระบบศูนย์กลางเพื่อควบคุมการผลิตสินค้าและระบบติดตามการจัดส่ง อาจทำให้เกิดปัญหาการกระจายสินค้าผิดพลาด และควบคุมประเมินจำนวนการผลิตได้ยาก ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเนื่องไปถึงต้นทุนของธุรกิจ

ERP แก้ปัญหาให้ธุรกิจได้อย่างไร⚙️ 

  1. ระบบจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติ – ระบบ ERP สามารถช่วยบริหารจัดการกระบวนการต่างๆ ให้เป็นไปอย่างอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า โดยเชื่อมต่อกับระบบขายหน้าร้าน (POS) เพื่อรับข้อมูลคำสั่งซื้อจากหน้าร้านโดยตรง รวมถึงมีระบบจัดการสินค้าคงคลังอัตโนมัติช่วยคำนวณปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสม ลดการสูญเสียจากวัตถุดิบเน่าเสียและลดต้นทุนการสั่งซื้อฉุกเฉินได้อย่างมีนัยสำคัญ
  2. เทคโนโลยีติดตามและระบุตัวตน – ระบบ Barcode และ RFID ช่วยในการติดตามวัตถุดิบตั้งแต่เข้าครัวจนถึงการใช้งาน ช่วยลดข้อผิดพลาดในการหยิบวัตถุดิบผิด อีกทั้งยังมีระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลขั้นสูง เพื่อปกป้องสูตรอาหารและข้อมูลสำคัญ ด้วยการควบคุมการเข้าถึงแบบหลายระดับ
  3. ระบบรายงานและการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ – Dashboard ที่แสดงข้อมูลแบบ Real-time ช่วยผู้บริหารตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ขณะที่ระบบเอกสารดิจิทัลลดเวลาการทำบัญชีลงอย่างมาก และระบบติดตามการจัดส่งแบบ GPS ช่วยให้การกระจายสินค้าแม่นยำและตรงเวลา

อุตสาหกรรมการผลิต 


ERP อุตสาหกรรมการผลิต

ปัญหาหลังบ้านที่ธุรกิจเผชิญ⚠️

  1. ระบบงานแยกส่วนที่สับสน – ในธุรกิจการผลิตที่ระบบงานแยกส่วนกัน ไม่ว่าจะเป็นส่วนการผลิต การจัดการวัสดุ หรือการจัดซื้อ ถ้าตัวโปรแกรมที่ใช้งานไม่ได้เชื่อมโยงข้อมูลและกระบวนการให้เป็นไปอย่างสอดคล้องกัน อาจทำให้ข้อมูลกระจัดกระจาย ขาดหาย หรือไม่ครบถ้วน ส่งผลให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ และเสียเวลาในการค้นหาข้อมูลจากหลายระบบ
  2. การวางแผนการผลิตที่ไม่เป็นระบบ – หากไม่มีระบบวางแผนการผลิตที่เป็นระบบจะทำให้ไม่สามารถจัดสรรการใช้วัตถุดิบ กำลังการผลิต และการจัดส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่สามารถกำหนดมาตรฐานของระบบการผลิตและวางแนวทางควบคุมคุณภาพสินค้า ซึ่งส่งผลให้คุณภาพสินค้าไม่สม่ำเสมอ
  3. การบันทึกข้อมูลแบบเก่าที่ล้าสมัย – ฝั่งโรงงานส่วนใหญ่ยังบันทึกข้อมูลผ่าน Word และ Excel ทำให้เกิดการทำงานที่ซ้ำซ้อนและไม่มีประสิทธิภาพ เสี่ยงเกิดข้อผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลผิดและข้อมูลสูญหาย

ERP แก้ปัญหาให้ธุรกิจได้อย่างไร⚙️

  1. ระบบวางแผนการผลิตที่ครอบคลุม – การนำ ERP ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิตมาใช้ ช่วยให้ธุรกิจมีระบบการผลิตที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จากการสามารถมองเห็นภาพรวมการทำงานทั้งหมดของทุกแผนกในองค์กร ตั้งแต่การเงิน การบัญชี การจัดการวัตถุดิบ และการบริหารจัดการลูกค้า ทำให้วางแผนการสั่งซื้อและผลิตสินค้าได้อย่างครอบคลุมต้้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
  2. ควบคุมและพัฒนาคุณภาพกระบวนการทำงาน – ระบบ ERP สามารถช่วยติดตามคุณภาพผลิตภัณฑ์ตลอดกระบวนการผลิต ช่วยแนะนำการลดต้นทุนในส่วนที่ไม่จำเป็น อีกทั้งยังมีระบบ Business Intelligence ที่สามารถประเมินผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ และนำข้อมูลไปวิเคราะห์ต่อ ทำใหผู้บริหารมองเห็นประสิทธิภาพการผลิต ความต้องการของตลาด และแนวโน้มต้นทุนได้ทันที
  3. บันทึกข้อมูลได้รวดเร็วผ่านแอปพลิเคชันมือถือ – ระบบ ERP ที่สามารถใช้งานได้ทั้งในคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน ช่วยให้พนักงานในโรงงานสามารถบันทึกข้อมูลการผลิตผ่านแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็วและเป็นไปแบบอัตโนมัติ ทำให้ลดข้อผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลลงได้

ภาครัฐและการศึกษา 


EERP ภาครัฐและการศึกษา

ปัญหาหลังบ้านที่ธุรกิจเผชิญ⚠️

  1. ข้อมูลกระจัดกระจายและไม่เชื่อมต่อกัน – หน่วยงานหลายแห่งมีการเก็บข้อมูลแยกส่วนกันและกระจัดกระจาย ทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขาดการบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่างๆ ส่งผลให้การหาข้อมูลนักศึกษา ข้อมูลการเงิน หรือข้อมูลงานวิจัยใช้เวลานานมาก
  2. ปัญหาการจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาล – การจัดการข้อมูลจำนวนมากของนักศึกษา อาจารย์ และบุคลากรความยุ่งยากซับซ้อน อย่างการจัดการและประมวลผลข้อมูลที่มีปริมาณสูง โดยเฉพาะในช่วงการลงทะเบียนเรียนและการสอบ
  3. การควบคุมงบประมาณที่ซับซ้อน – หน่วยงานหลายแห่งมีงบประมาณจากหลายแหล่ง ทำให้การควบคุมการใช้จ่ายและการรายงานงบประมาณมีความยากในการตรวจสอบและติดตามการใช้งบประมาณในแต่ละโครงการ
  4. ความเสี่ยงด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูล – ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยข้อมูลเป็นความกังวลสำคัญ เนื่องจากหลายหน่วยงานมีข้อมูลหลากหลายส่วนและมีข้อมูลปริมาณมหาศาล รวมถึงความซับซ้อนในการปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎระเบียบต่าง ๆ การจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสำคัญของหน่วยงาน
  5. การประสานงานที่ขาดประสิทธิภาพ – การประสานงานที่ไม่ต่อเนื่องระหว่างหน่วยงานต่างๆ เนื่องจากขาดระบบที่เชื่อมโยงกระบวนการทำงานระหว่างแผนกต่างๆ และการทำงานแบบแยกส่วน ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนและไม่มีประสิทธิภาพ

ERP แก้ปัญหาให้ธุรกิจได้อย่างไร⚙️

  1. ระบบจัดการข้อมูลแบบครบวงจร -ระบบ ERP ที่ปรับให้เหมาะสำหรับหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการศึกษา สามารถช่วยให้ข้อมูลต่างๆ เก็บรวบรวมอยู่ที่ศูนย์กลาง ขณะที่ระบบ Student Information System (SIS) รวมข้อมูลนักศึกษาทั้งหมดไว้ในที่เดียว ตั้งแต่การสมัครเรียนจนสำเร็จการศึกษา ลดเวลาการค้นหาข้อมูลลงอย่างมีนัยสำคัญ
  2. ระบบจัดการงบประมาณแบบเรียลไทม์ – ระบบ Financial Management ช่วยติดตามงบประมาณแบบ Real-time พร้อมระบบเตือนเมื่อใกล้เกินงบหรือใช้จ่ายผิดประเภท ลดข้อผิดพลาดการใช้งบประมาณลงอย่างชัดเจนและเพิ่มความโปร่งใสในการใช้งบประมาณ
  3. ระบบเชื่อมโยงกระบวนการทำงาน – ระบบ Workflow Management ช่วยเชื่อมโยงกระบวนการทำงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ลดขั้นตอนการดำเนินงานลงอย่างมาก และระบบ Document Management ช่วยจัดเก็บเอกสารดิจิทัลอย่างปลอดภัยและค้นหาได้รวดเร็ว
  4. ระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐานสากล – ระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐาน ISO 27001 และ PDPA สามารถปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสำคัญ พร้อม Audit Trail ครบถ้วนเพื่อการตรวจสอบ

ยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจด้วย ERP


จากแนวทางการนำ ERP ไปใช้แก้ไขปัญหาที่แต่ละภาคอุตสาหกรรมเผชิญนั้น ERP ไม่ได้เป็นเพียงแค่ระบบซอฟต์แวร์หนึ่ง แต่เป็นเครื่องมือเปลี่ยนแปลงธุรกิจที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ หรือสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

อย่างไรก็ตาม การเลือก ERP ที่เหมาะสมกับธุรกิจและอุตสาหกรรมเป็นหัวใจสำคัญ เนื่องจากแต่ละอุตสาหกรรมมีความต้องการที่แตกต่างกัน การเลือกระบบที่ตอบโจทย์เฉพาะจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด รวมถึงการเลือกพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาและพัฒนาระบบ ERP

การเริ่มต้นวางแผนการนำ ERP มาใช้ตั้งแต่วันนี้อาจจะเป็นตัวสร้างความได้เปรียบสำคัญของธุรกิจ เพราะในยุคที่ข้อมูลคือพลัง ธุรกิจที่สามารถนำข้อมูลไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้จะเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน

Bluebik และ Innoviz Solutions มีประสบการณ์ให้บริการด้าน ERP ในหลากหลายอุตสาหกรรม ที่พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรที่แข็งแกร่ง สามารถช่วยให้ธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) ได้อย่างราบรื่น ก้าวข้ามความท้าทายอันซับซ้อน และสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ๆ หากองค์กรใดสนใจใช้งานระบบ ERP สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ :

Microsoft Copilot Studio

ธุรกิจของคุณพร้อมสำหรับอนาคตแล้วหรือยัง

ในยุคที่ธุรกิจต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือด ผู้บริหารต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งในด้านการบริหารทีม การเพิ่มยอดขาย และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เช่น ผู้บริหารหลายคนต้องใช้เวลาไปกับการตอบคำถามพนักงาน ทำให้ไม่มีเวลาโฟกัสกับกลยุทธ์หลักขององค์กร หรือ ทีมขายอาจใช้เวลาไปกับงานที่ต้องทำซ้ำ แทนที่จะเน้นไปที่การปิดการขาย เป็นต้น เทคโนโลยี AI ไม่ได้เป็นเพียงแค่แนวคิดในอนาคตอีกต่อไป แต่ได้กลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด และหนึ่งในโซลูชันที่ทรงพลังที่สุดคือ Microsoft Copilot Studio 

Microsoft Copilot Studio คืออะไร 

Copilot Studio คือเครื่องมือจาก Microsoft ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้าง ปรับแต่ง และควบคุมการทำงานของ AI Copilot ได้อย่างสะดวก โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดในระดับสูง (Low-code/No-code) เหมาะสำหรับธุรกิจหรือองค์กรที่ต้องการปรับแต่ง AI Copilot ให้ตรงตามกระบวนการการทำงานเฉพาะด้านภายในองค์กร เช่น ตอบคำถามลูกค้า เชื่อมต่อกับข้อมูลในระบบขององค์กร และการผสานข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น Microsoft 365, SharePoint, Dataverse หรือ Microsoft Dynamics 365 เป็นต้น 

Microsoft Copilot Studio ช่วยองค์กรของคุณได้อย่างไร 

1.ยกระดับการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ปัญหาที่พบบ่อย – ผู้บริหารหลายคนต้องใช้เวลามากมายไปกับการตรวจสอบงาน หรือการสื่อสารภายในองค์กรล่าช้า เช่น พนักงานไม่เข้าใจกระบวนการทำงานที่ถูกต้อง ต้องสอบถามหัวหน้างานที่อาจไม่ว่างหรือติดประชุมอยู่ 

AI Copilot สามารถตอบคำถาม แนะนำแนวทางการทำงาน ช่วยลดภาระงานที่ไม่จำเป็น และเพิ่มเวลาสำหรับงานที่มีมูลค่าสูงกว่า เช่น 

  • สามารถช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานที่ถูกต้องของบริษัทได้ 
  • สามารถตอบคำถามพนักงานเกี่ยวกับนโยบายของบริษัทได้โดยอัตโนมัติ 

2.สร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับลูกค้าของเรา 

ปัญหาที่พบบ่อย – ทีมขายและทีมบริการลูกค้าอาจใช้เวลาไปกับงานตอบคำถามลูกค้าเดิม ๆ หรือในกรณีลูกค้าพบปัญหาเร่งด่วน ที่อาจจะอยู่นอกเวลาทำงานขององค์กร ทีมขายและบริการไม่สามารถตอบสนองได้รวดเร็วพอ 

AI Copilot สามารถช่วยตอบคำถามลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ทีมขายและทีมบริการสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นและทำให้ลูกค้าพึงพอใจได้มากขึ้น เช่น 

  • สามารถตอบคำถามลูกค้าได้ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด 
  • ตอบคำถามและช่วยเหลือลูกค้าได้ทันที ไม่ต้องรอทีมงาน 
  • ช่วยคัดกรองความสำคัญของงานจากการสอบถามกับลูกค้า ก่อนจะมอบหมายให้พนักงานดำเนินการต่อ ช่วยให้การจัดการงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 
  • การแยกปัญหาที่เข้ามาและส่งไปตามแผนกที่ดูแลได้อย่างถูกต้อง 
  • สามารถนำเสนอรายละเอียดสินค้าหรือบริการที่เหมาะสมกับสิ่งที่ลูกค้ากำลังมองหาอยู่ได้ทันที 

3.เรียกดูข้อมูลจากหลายแหล่งได้อย่างรวดเร็ว 

ปัญหาที่พบบ่อย – องค์กรมักมีข้อมูลจำนวนมหาศาล อาจจะต้องใช้โปรแกรมที่หลากหลายในการเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้น ซึ่งทำให้ผู้บริหารและพนักงานเสียเวลาในการเข้าถึงข้อมูล 

AI Copilot จะช่วยให้ผู้บริหารเรียกดูข้อมูลจากหลายแหล่งได้ทันทีผ่าน Copilot 

  • สามารถเรียกดูข้อมูลของระบบต่าง ๆ ได้ เช่น Microsoft Dynamics 365 Finance and Supply Chain Management ผ่านการสอบถามกับ AI Copilot โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปที่ระบบ 
  • ช่วยให้พนักงานสามารถเรียกดูข้อมูลและทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น ทำให้ทุกคนในทีมติดตามความคืบหน้าของข้อมูลได้ทันที 
  • ผู้บริหารสามารถเรียกดูข้อมูลด้วยตนเองได้ทุกที่ ทุกเวลา ลดการพึ่งพาพนักงานในการค้นหาข้อมูล 

4.ช่วยให้ทรัพยากรบุคคลสามารถทำงานที่สร้างมูลค่าให้องค์กรได้มากขึ้น

ปัญหาที่พบบ่อย – องค์กรมีงานซ้ำ ๆ ที่สามารถทำด้วยเครื่องมือหรือระบบอัตโนมัติได้ แต่ปัจจุบันเป็นงานของพนักงานทุกคน ทำให้พนักงานต้องเสียเวลาไปกับงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ อาจจะทำให้องค์กรต้องจ้างพนักงานเพิ่มและมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น

ใช้ AI Copilot เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของพนักงาน โดยให้ AI Copilot ทำงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระพนักงานในองค์กร 

  • ในงานที่ปกติแล้วพนักงานต้องมาทำซ้ำ ๆ ในทุกวัน สามารถให้ AI Copilot ช่วยแบ่งเบาภาระได้ เพื่อให้พนักงานนำเวลาไปทำงานที่มีความสำคัญต่อองค์กร 

ทำไมต้องเลือก Microsoft Copilot Studio? 

ทำไมต้องเลือก Microsoft Copilot Studio?
  • ใช้งานง่ายเพราะออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นได้โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านเทคนิค 
  • ปรับแต่งได้ตามความต้องการของธุรกิจ สามารถตั้งค่า AI ให้เหมาะสมกับองค์กรของคุณ 
  • รองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย เช่น Microsoft 365, Microsoft Dynamics 365 Finance and Supply Chain Management และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้อย่างราบรื่น 
  • รองรับการประมวลผลภาษาธรรมชาติที่ล้ำสมัย สามารถเข้าใจและโต้ตอบกับผู้ใช้ได้อย่างชาญฉลาด 
  • เมื่อพัฒนา Copilot เรียบร้อยแล้ว สามารถนำไปให้บริษัทในเครือใช้งานได้ ไม่จำเป็นต้องพัฒนาใหม่ตั้งแต่ศูนย์ 

ตัวอย่างธุรกิจที่ใช้ Copilot กับ Microsoft Dynamics 365 Finance and Supply Chain Management

1.ให้ AI Copilot สร้างรายการใบขอซื้อ 

ในธุรกิจ ERP ที่ใช้ Microsoft Dynamics 365 Finance and Supply Chain Management สามารถสั่งให้ AI Copilot ไปสร้างรายการใบขอซื้อ ผ่าน Chatbot ที่ถูกปรับแต่งบน Copilot Studio โดยระบุว่าอยากให้ทำรายการซื้อสินค้าชนิดใด จากใคร จำนวนเท่าไหร่

  • เช่น “สร้างรายการใบขอซื้อ Notebook ให้พนักงานใหม่ รุ่น AAA จากบริษัท XXX 1 เครื่อง” เป็นต้น ในกรณีที่ลูกค้าลืมระบุข้อมูลที่จำเป็นบางรายการ ทาง AI Copilot สามารถถามกลับไปยังลูกค้า เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนก่อนไปสร้างรายการในระบบ 

2.ให้ AI Copilot ช่วยทำกระบวนการทางธุรกิจแทนผู้ใช้ 

ในบางธุรกิจ การขายสินค้าจะมีกระบวนการทางธุรกิจก่อนออกใบแจ้งหนี้ให้ลูกค้าอยู่ 3 ขั้นตอน คือ

  1. การเปิดใบสั่งขาย (Sales order)
  2. การหยิบสินค้าจากในคลัง (Pick)
  3. การห่อสินค้า (Pack)

ถ้าทั้ง 3 ขั้นตอนคือคนทำคนเดียวกัน ผู้ใช้รายนั้นต้องทำทั้ง 3 ขั้นตอนด้วยตนเอง ซึ่งการทำทั้ง 3 ขั้นตอน จะอยู่ในหน้าจอที่แตกต่างกัน หากมีการใช้งาน AI Copilot ที่ถูกปรับแต่งแล้ว ผู้ใช้สามารถส่งคำสั่งให้ AI Copilot ทำทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ผ่าน Chatbot ได้ในหน้าจอเดียว โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องไปทำรายการเอง และหากในบางธุรกิจ บางองค์กร ต้องการเพิ่มขั้นตอนที่ 4 ให้ AI Copilot ออกใบแจ้งหนี้ให้ด้วย ก็สามารถทำได้เช่นกัน 

3.การสอบถามข้อมูลผ่าน AI Copilot ที่เป็นข้อมูลที่อยู่นอกระบบ 

โดยปกติ ผู้ใช้สามารถใช้ AI Copilot เพื่อขอคำแนะนำในการใช้งานระบบ Microsoft Dynamics 365 Finance and Supply Chain Management ได้ ผ่านการสอบถามกับ Chatbot แต่หากผู้ใช้ต้องการเพิ่มความสามารถของ AI Copilot ให้รองรับการสอบถามข้อมูลที่อยู่นอกระบบ ผู้ใช้สามารถขยายความสามารถของ AI Copilot ด้วยตัวเองได้ ผ่านการผสานข้อมูลภายนอกเข้าไปใน Copilot Studio เพื่อให้ AI Copilot สามารถนำมาเป็นแหล่งข้อมูลในการตอบผู้ใช้

  • เช่น สามารถสอบถามข้อมูลที่อยู่ใน Public website หรือ SharePoint ที่องค์กรกำหนด เป็นต้น 

4.ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ Copilot บนระบบ Microsoft Dynamics 365 Finance and Supply Chain Management:

ถึงเวลายกระดับธุรกิจของคุณแล้ว! 

หากคุณกำลังมองหาผู้ช่วย AI Copilot ส่วนตัวอัจฉริยะที่สามารถปรับใช้ได้อย่างยืดหยุ่น และมีความเชี่ยวชาญในการทำงาน พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับระบบ Microsoft Dynamics 365 Finance and Supply Chain Management เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน การประสานพลังของ Microsoft Copilot Studio คือคำตอบของคุณ 

📞 ติดต่อเราเพื่อขอคำปรึกษากับทีมผู้เชี่ยวชาญ 

เวลาทำการ: Mon-Fri 9:00-18:00 

Email: SalesTeam@innovizsolutions.com 

Website: Innoviz Solutions 

Telephone: (662) 6514542